|
การพัฒนาระบบการพยาบาลผู้ป่วยช็อกเหตุจากหัวใจในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติในโรงพยาบาลศูนย์สวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ |
|---|---|
| รหัสดีโอไอ | |
| Creator | อรวรรณ รวบรวม |
| Title | การพัฒนาระบบการพยาบาลผู้ป่วยช็อกเหตุจากหัวใจในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติในโรงพยาบาลศูนย์สวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ |
| Contributor | ประกอบพร ทิมทอง, วรรณภา ตั้งแต่ง, รุ่งรัตน์ วณิชาภิชาต, นิตยา แสนศิริ |
| Publisher | โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ |
| Publication Year | 2568 |
| Journal Title | วารสารวิชาการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3 |
| Journal Vol. | 22 |
| Journal No. | 4 |
| Page no. | 355-366 |
| Keyword | ช็อกเหตุจากหัวใจ, Cardiogenic Shock, การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ, การพัฒนาระบบ |
| URL Website | https://thaidj.org/index.php/smj/index |
| Website title | วารสารวิชาการแพทย์และสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3 |
| ISSN | ISSN 2774-0579 (Online), ISSN 2821-9201 (Print) |
| Abstract | วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาประสิทธิผลระบบการพยาบาลผู้ป่วยช็อกเหตุจากหัวใจหลังการพัฒนาระบบและเปรียบเทียบอัตราตายผู้ป่วยก่อนและหลังพัฒนา รวมถึงความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพผู้ใช้งานวิธีการศึกษา: เป็นรูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development design) ด้วยกรอบแนวคิดทฤษฎีเชิงระบบของ Donabedian model มี 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 วิเคราะห์สถานการณ์ ศึกษาแบบ Cross-sectional จากเวชระเบียนย้อนหลังผู้ป่วย CS 69 ราย ระยะที่ 2 พัฒนาระบบการพยาบาลผู้ป่วย CS โดยการวิเคราะห์ระยะที่ 1, ทบทวนวิชาการปัจจุบัน, ระดมสมองทีมสหสาขาวิชาชีพและสร้างเครื่องมือวิจัยและระยะที่ 3 ประเมินประสิทธิผลของระบบการพยาบาลผู้ป่วย CS จำนวน 26 คน และพยาบาลวิชาชีพในหอผู้ป่วยวิกฤติ 32 คนและใช้สถิติทดสอบ Student- t, Chi-square หรือ Mann-Whitney U test ที่ระดับนัยสำคัญ p-value<0.05ผลการศึกษา: ระหว่าง 10 สิงหาคม 2567 ถึง 31 ตุลาคม 2568 พบผลลัพธ์กระบวนงานโดยระยะเวลาการรักษาลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยระยะเวลาที่ผู้ป่วยได้รับยา Inotropic หรือ Vasopressor ลดจาก 22.51 นาที เป็น 6.42 นาที (p-value <0.001), ระยะเวลาการเรียกใช้เครื่องพยุงระบบไหลเวียน (MCD) ลดลงจาก 169.53 นาที เป็น 44.31 นาที (p-value <0.001) ระยะเวลาที่ทำให้ MAP มากกว่า 60 mmHg (Shock reversal) ลดจาก 212.26 นาที เป็น 58.54 นาที (p-value=0.004), อัตราภาวะแทรกซ้อนสัมพันธ์กับ CS รวมลดจาก 8.27% เป็น 3.18% (p-value=0.026) และอัตราผู้ป่วย CS ตายในโรงพยาบาลลดจาก 42.01%เป็น 38.40% แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value =0.112) พบความรู้และทักษะปฏิบัติของพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและพยาบาลวิชาชีพพึงพอใจต่อระบบในระดับสูงมากสรุป: ระบบการพยาบาลผู้ป่วยภาวะช็อกเหตุจากหัวใจมีประสิทธิภาพต่อกระบวนงานการพยาบาลผู้ป่วยดีขึ้น โดยสามารถลดเวลาที่ใช้ในการแก้ไขภาวะความดันโลหิตต่ำ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้อัตราตายของผู้ป่วย CS ในโรงพยาบาลไม่ลดลงในระยะสั้นคำสำคัญ: ช็อกเหตุจากหัวใจ, Cardiogenic Shock, การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ, การพัฒนาระบบ |