|
พลังชุมชน: กระบวนการสร้างการรับรู้และกำหนดเป้าหมายร่วมเพื่อพัฒนากลไกสร้างคุณค่าในตนเองของผู้สูงวัยในชุมชนพหุวัฒนธรรม |
|---|---|
| รหัสดีโอไอ | |
| Creator | รัตติยา เหนืออำนาจ |
| Title | พลังชุมชน: กระบวนการสร้างการรับรู้และกำหนดเป้าหมายร่วมเพื่อพัฒนากลไกสร้างคุณค่าในตนเองของผู้สูงวัยในชุมชนพหุวัฒนธรรม |
| Contributor | อัครเดช พรหมกัลป์ |
| Publisher | หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนครพนม |
| Publication Year | 2568 |
| Journal Title | Journal of Public Administration and Interdisciplinary Studies for Society |
| Journal Vol. | 1 |
| Journal No. | 2 |
| Page no. | e2014 |
| Keyword | พลังชุมชน, กระบวนการสร้างการรับรู้, เป้าหมายร่วม, กลไกสร้างคุณค่าในตนเอง |
| URL Website | https://so14.tci-thaijo.org/index.php/JIRFLAS |
| Website title | https://so14.tci-thaijo.org/index.php/JIRFLAS |
| ISSN | ISSN: 3088-2265 (Online) |
| Abstract | บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการสร้างการรับรู้และกำหนดเป้าหมายร่วม เพื่อพัฒนากลไกสร้างคุณค่าในตนเองของผู้สูงวัยในชุมชนพหุวัฒนธรรม โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ซึ่งมุ่งให้ผู้สูงอายุ ผู้นำชุมชน และภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน ประชากร คือ ผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 1,213 คน ในตำบลหนองนมวัว อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 45 คน ประกอบด้วยผู้สูงอายุ แกนนำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข พระสงฆ์ และตัวแทนภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ ผู้นำชุมชน ผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบล พระครูและคณะสงฆ์ เยาวชน และผู้แทนภาคประชาสังคม เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกด้านทุนทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชน เครื่องมือการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบบันทึกภาคสนาม 2) แบบวิเคราะห์ SWOT Analysis 3) แบบบันทึก Key Messages และ 4) แบบบันทึกเวทีสะท้อนผลความคิดเห็นของชุมชน การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เก็บข้อมูลผ่านกระบวนการสี่ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผน การขับเคลื่อน การสังเกตการณ์ และการสะท้อนผล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา และตรวจสอบความถูกต้องด้วยวิธีสามเส้า ผลการวิจัย พบว่า ขั้นการวางแผน พบว่าการลงพื้นที่พบปะผู้นำและผู้สูงอายุจาก 9 หมู่บ้าน ช่วยสร้างความเข้าใจร่วมและกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ทุกฝ่ายยอมรับ ขั้นการขับเคลื่อน พบว่า การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และวิเคราะห์สภาพพื้นที่ร่วมกัน ทำให้เกิดข้อตกลงพัฒนาร่วมระดับตำบลในรูปของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างคุณค่าตนเองของผู้สูงวัย ขั้นการสังเกตการณ์ พบว่า ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง เกิดความภาคภูมิใจและตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง และขั้นการสะท้อนผล พบว่า ผู้สูงอายุและภาคีเครือข่ายรู้สึกเป็นเจ้าของกิจกรรม เกิดแนวทางพัฒนาต่อเนื่อง และสร้างพลังร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในชุมชนพหุวัฒนธรรม กระบวนการวิจัยนี้สามารถขับเคลื่อนการสร้างการรับรู้และเป้าหมายร่วมได้อย่างเป็นรูปธรรม ผู้สูงอายุเกิดความตระหนักรู้ เห็นคุณค่าในตนเอง และร่วมกันพัฒนากลไกทางสังคมที่ยั่งยืนโดยมีความร่วมมือของบ้าน วัด โรงเรียน และภาครัฐเป็นฐานสำคัญ |