|
โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง: ภาระโรคในระดับโลกและบทเรียนจากประเทศไทย |
|---|---|
| รหัสดีโอไอ | |
| Creator | ณัฐณกานต์ ธูปทอง |
| Title | โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง: ภาระโรคในระดับโลกและบทเรียนจากประเทศไทย |
| Contributor | ภัทรธิดา พิจารณาธรรม, ปัฐพี จงสถาพงษ์พันธ์, ลิลลี่ ประทีป, ธัญมนทร์ เหล่าพงศ์พิชญ์, ศุจิมน มังคลรังษี |
| Publisher | สถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค |
| Publication Year | 2568 |
| Journal Title | วารสารสถาบันราชประชาสมาสัย |
| Journal Vol. | 9 |
| Journal No. | 3 |
| Page no. | 56-72 |
| Keyword | โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง |
| URL Website | https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi |
| Website title | https://he04.tci-thaijo.org/index.php/rpsi |
| ISSN | 3057-0824 |
| Abstract | โรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) และโรคหลอดเลือดสมองยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตและทุพพลภาพทั่วโลก คิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของการเสียชีวิตทั้งหมด ในปี 2564 มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุโรคหัวใจและหลอดเลือดประมาณ 20.5 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 6.5 ล้านคน โดยอุบัติการณ์โรคนี้สูง โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง ซึ่งมีการเสียชีวิตจากการป่วยด้วยโรคทั้งสองนี้มากกว่า 80% ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจมากกว่า 65,000 รายต่อปี และมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่ประมาณ 350,000 รายในปี 2566 ส่วนใหญ่มีภาวะทุพพลภาพระยะยาว บทความนี้เป็นบทความปริทัศน์ที่สรุปและวิเคราะห์ข้อมูลจากวรรณกรรมวิชาการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ทั้งในระดับโลกและบริบทของประเทศไทย ทั้งสองโรคมีพยาธิสรีรวิทยาร่วมกัน เช่น ความผิดปกติของเซลล์บุผนังหลอดเลือด การอักเสบเรื้อรัง ภาวะออกซิเดชันเกิน และหลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถป้องกันได้ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน การสูบบุหรี่ การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม และมลพิษทางอากาศ มีส่วนทำให้การเกิดโรคเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น อายุ เพศ และพันธุกรรมมีผลร่วมในการเพิ่มความเสี่ยง การวินิจฉัยที่มีความก้าวหน้า เช่น การใช้ MRI สำหรับโรคหลอดเลือดสมองตีบ และการตรวจ Troponin สำหรับกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ทำให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำมากขึ้น การรักษามีการพัฒนา เช่น การดึงลิ่มเลือดด้วยสายสวน การใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดใหม่ และการใช้เครื่องมือในการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจระยะรุนแรง ทำให้ผลลัพธ์การรักษาดีขึ้น การป้องกันโรคในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิได้รับการดำเนินการแล้ว แต่ยังมีช่องว่างในการวิจัย เช่น ผลกระทบระยะยาวของมลพิษทางอากาศ การวิจัยทางพันธุกรรมในประชากรเอเชีย และการพัฒนาโปรแกรมป้องกันที่เหมาะสมในระบบสุขภาพของไทย การเสริมสร้างการป้องกันโรค การเพิ่มการเข้าถึงการวินิจฉัยและการรักษาที่มีคุณภาพ และการเติมเต็มช่องว่างในการวิจัยเป็นแนวทางสำคัญในการลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและภาวะทุพพลภาพจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง |