![]() |
การวิจัยเพื่อพัฒนาและประเมินเครื่องมือวัดพฤติกรรมสามัคคีธรรมของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย และความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัด |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | อนันต์ แย้มเยื้อน |
Title | การวิจัยเพื่อพัฒนาและประเมินเครื่องมือวัดพฤติกรรมสามัคคีธรรมของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย และความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัด |
Publisher | สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มศว |
Publication Year | 2560 |
Journal Title | วารสารพฤติกรรมศาสตร์ |
Journal Vol. | 23 |
Journal No. | 2 |
Page no. | 139-166 |
Keyword | การวิเคราะห์องค์ประกอบ, ความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัด, พฤติกรรมสามัคคีธรรม, นักเรียน |
ISSN | 1686-1442 |
Abstract | นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติ สามารถกระทำตนให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีสุขได้ โดยการมีพฤติกรรมสามัคคีธรรม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น เครื่องมือวัดเป็นสิ่งสำคัญในกิจกรรมเหล่านี้ วงวิชาการในปัจจุบันเรียกร้องให้มีการวิเคราะห์คุณภาพของแบบวัดที่เคร่งครัดมากขึ้น แบบวัดพฤติกรรมสามัคคีธรรม โดยส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศไทยยังไม่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์คุณภาพแบบวัดอย่างครบถ้วน ดังนั้นงานวิจัยเพื่อพัฒนาและประเมินเครื่องมือวัดพฤติกรรมสามัคคีธรรมนี้ มีจุดประสงค์ที่สำคัญ 3 ประการ 1) แสวงหาองค์ประกอบของแบบวัด 2) วิเคราะห์ยืนยันองค์ประกอบของแบบวัด และ 3) ศึกษาความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัด โดยทำการสุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีแบบหลายขั้นตอนกำหนดโควต้า (Multistage Quota Random Sampling) กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิเคราะห์คุณภาพรายข้อ และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis) จำนวน 300 คน 2) กลุ่มตัวอย่างเพื่อนำมาทำการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis) และทำการศึกษาความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดลการวัด จำนวน 300 คน ผลการวิเคราะห์พบว่า การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ มีองค์ประกอบหลัก 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การติดตามเพื่อพัฒนา จำนวน 6 ข้อ 2) ความรับผิดชอบ จำนวน 4 ข้อ 3) การทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม จำนวน 4 ข้อ และ 4) การวางแผนและร่วมกันทำ จำนวน 4 ข้อ รวมทั้งสิ้น 18 ข้อซึ่งสามารถอธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ 56.72 เมื่อทำการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สอง ปรากฏว่าโมเดลกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และพบว่าแบบวัดนี้มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 ผลการวิเคราะห์ความไม่แปรเปลี่ยนของโมเดล ปรากฏโดยสรุปว่า ไม่พบความแปรเปลี่ยนของโมเดลการวัดในเชิงรูปแบบโมเดล (Form) และความไม่แปรเปลี่ยนของน้ำหนักองค์ประกอบ (LY) ตามเพศของนักเรียน |