![]() |
การศึกษาความเป็นไปได้ของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานคลื่นน้ำ และการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง กรณีศึกษา ปากอ่าวไทย |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | การศึกษาความเป็นไปได้ของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานคลื่นน้ำ และการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง กรณีศึกษา ปากอ่าวไทย |
Creator | สันต์สิริ ศิริสรรหิรัญ |
Contributor | สมเกียรติ ตั้งจิตสิตเจริญ |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2555 |
Keyword | การผลิตพลังงานไฟฟ้า, คลื่นมหาสมุทร, การกัดเซาะ (วิศวกรรมชลศาสตร์) -- การป้องกัน, Electric power production, Ocean waves, Scour (Hydraulic engineering) -- Protection |
Abstract | งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานคลื่น และการป้องกันการกัดเซาะ บริเวณปากอ่าวไทย โดยการประเมินความเป็นไปได้ในการลงทุนนั้นจะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ส่วนแรกจะเป็นการคำนวณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากอุปกรณ์แปลงพลังงานคลื่น “พิลามิส” ซึ่งปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จะขึ้นอยู่กับความสูงคลื่นนัยสำคัญและคาบคลื่น ส่วนที่สองจะเป็นการประเมินทางเศรษฐศาสตร์ด้วยตัวชี้วัด ได้แก่ อัตราส่วนผลประโยชน์ในการลงทุนและมูลค่าปัจจุบันสุทธิ การศึกษาการป้องกันการกัดเซาะบริเวณปากอ่าวไทย พบว่า ไม่สามารถที่จะป้องกันการกัดเซาะบริเวณดังกล่าวได้ เนื่องจากการติดตั้งของอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานคลื่นจะมีรูปแบบการติดตั้งที่อยู่นอกชายฝั่ง การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการลงทุนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานคลื่นนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ (1) เงื่อนไขความเป็นไปได้ในเชิงเทคนิค โดยจะมีมาตรฐานคือจะต้องมีสภาวะคลื่นที่มีความถี่มากที่สุดอยู่ในระดับความสูงคลื่นนัยสำคัญอยู่ที่ 1-3.5 เมตร คาบคลื่น 5-7 วินาที และสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยผลที่ได้จากการวิเคราะห์คือ โครงการดังกล่าวไม่มีความเป็นไปได้ในเชิงเทคนิค เนื่องจากเงื่อนไขในเชิงเทคนิคนั้นต่ำกว่ามาตรฐาน โดยพื้นที่อ่าวไทยนั้นมีสภาวะคลื่นที่มีความถี่มากที่สุดอยู่ที่บริเวณสงขลา จะมีระดับความสูงคลื่นนัยสำคัญเพียง 0.125-0.5 เมตร คาบคลื่น 4-6 วินาที และไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง (2) เงื่อนไขความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ พบว่า โครงการดังกล่าวไม่มีความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อเงินลงทุนมีค่า 0.08 และมูลค่าปัจจุบันสุทธิมีค่า -209,765,573.65 บาท ดังนั้น ถ้าจะทำให้การลงทุนดังกล่าวเกิดความคุ้มค่า จะต้องมีส่วนเพิ่มอัตรารับซื้อไฟฟ้าถึง 30.61 บาท จากรัฐบาลซึ่งมีความเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันส่วนเพิ่มอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้รับสนับสนุนสูงที่สุดเพียง 8 บาทเท่านั้น |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |