![]() |
ความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพของเมาส์และสมรรถนะการใช้งานของผู้ใช้ |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | ความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพของเมาส์และสมรรถนะการใช้งานของผู้ใช้ |
Creator | ภัทรพร เกียรติธรรม |
Contributor | ไพโรจน์ ลดาวิจิตรกุล |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2555 |
Keyword | เมาส์, สมรรถนะ, Mice (Computers), Performance |
Abstract | เมาส์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อชี้ตำแหน่งในการเลือกรายการใช้งานต่างๆ บนมอร์นิเตอร์ การใช้งานเมาส์เป็นเวลานานสามารถเกิดความเสี่ยงต่อความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกบริเวณข้อมือได้ จึงมีการพัฒนาเมาส์การยศาสตร์ (Ergonomic mouse) ซึ่งได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์เป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้เมาส์การยศาสตร์จึงมีน้ำหนัก ขนาดและลักษณะการวางมือที่แตกต่างจากเมาส์ทั่วไป อย่างไรก็ตามเมาส์การยศาสตร์ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าเมาส์ทั่วไปและจากลักษณะพิเศษของเมาส์การยศาสตร์ดังกล่าวทำให้ผู้ใช้ไม่เคยชินกับการใช้งาน จึงส่งผลกระทบต่อสมรรถนะการทำงาน ทำให้เกิดความคิดเห็นว่าการเลือกใช้เมาส์การยศาสตร์นั้นไม่คุ้มค่า งานวิจัยนี้จึงได้ศึกษาเปรียบเทียบสมรรถนะการทำงานของเมาส์ปกติที่ใช้ในสำนักงานกับเมาส์ การยศาสตร์ใน 3 ลักษณะคือ น้ำหนัก ขนาด และองศาการวางมือ การทดสอบได้ประยุกต์ใช้แนวคิดในการทดลองของ Fitts’law และมาตรฐาน ISO 9241-9 เป็นแนวทางในการศึกษา โดยกำหนดลักษณะการทำงาน คือ การชี้ตำแหน่ง (pointing task) ใน 2 ทิศทาง ได้แก่ ทิศทางตามแนวแกนนอน (horizontal) หรือซ้าย-ขวา และแกนตั้ง (vertical) หรือบน-ล่าง โดยแบ่งระดับความยากของงานเป็น 3 ระดับ ขณะทดสอบได้กำหนดเป้าหมายของงานคือ ทำงานให้เร็วที่สุดโดยไม่ให้เกิดความผิดพลาดและชี้ตำแหน่งให้อยู่ภายในขอบเขตที่กำหนด ผลการวิจัยพบว่าการใช้เมาส์การยศาสตร์ทั้ง 3 ลักษณะ คือ น้ำหนัก ขนาด และองศาการวางมือในระหว่างการทดลองคงที่ ผู้ทดสอบมีสมรรถนะการทำงานเทียบเท่ากันการใช้งานของเมาส์ทั่วไป โดยไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้งในแนวการทดสอบแกนนอนและแกนตั้ง และไม่พบความผิดพลาดของการใช้เมาส์การยศาสตร์และเมาส์ทั่วไปที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากการเปรียบเทียบรูปแบบดัชนีงานของฟิตส์ (Fitts) วอลฟอร์ด (Welford) และแชลนอล (Shannon) กับเวลาในการเคลื่อนที่ พบว่า แบบดัชนีงานของฟิตส์ให้ค่าจุดตัดแกนดิ่งใกล้เคียงจุดกำเนิดมากที่สุด และแบบดัชนีงานของแชลนอลให้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพัทธ์ระหว่างเวลาในการเคลื่อนที่กับดัชนีการทำงานมากที่สุด |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |