![]() |
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความไม่ร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความไม่ร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ |
Creator | โมเรศ ศรีบ้านไผ่ |
Contributor | สุธาทิพย์ พิชญไพบูลย์, รุ่งโรจน์ พิทยศิริ |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2554 |
Keyword | โรคพาร์กินสัน -- การรักษาด้วยยา, ผู้ป่วย -- ความร่วมมือในการรักษา, Parkinson's disease -- Chemotherapy, Patient compliance |
Abstract | การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2553 ถึง สิงหาคม 2554 วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความไม่ร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยศึกษาในผู้ป่วยที่เข้ารับบริการที่คลินิกโรคพาร์กินสัน ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง พฤษภาคม 2554 จำนวน 183 ราย ด้วยการสัมภาษณ์ผู้ป่วย การเก็บข้อมูลจากเวชระเบียน ร่วมกับประเมินความร่วมมือในการใช้ยาด้วย 8-Item Morisky Medication Adherence Scale (MMAS) ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยมีอายุเฉลี่ย 65.1 ± 9.7 ปี เป็นเพศหญิง 53% พบการเกิด off time 50.3% และการเกิด dyskinesia 33.9% จำนวนรายการยาเฉลี่ย 6.5 ± 2.9 รายการ เป็นยาต้านพาร์กินสัน 2-4 รายการ ความถี่ในการบริหารยาต่อวันเฉลี่ย 3.9 ± 0.9 ครั้ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความร่วมมือในการใช้ยาระดับปานกลาง (44.3%) รูปแบบของความไม่ร่วมมือในการใช้ยาคือบางครั้งลืมรับประทานยา (56.8%) คะแนนภาวะซึมเศร้ามีความสัมพันธ์เชิงลบกับคะแนนความร่วมมือในการใช้ยา (p<0.01) คะแนนทัศนคติมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับคะแนนความร่วมมือในการใช้ยา (p<0.01) คะแนนความร่วมมือในการใช้ยาเฉลี่ยระหว่างกลุ่มผู้ป่วยเพศชายจะต่ำกว่าเพศหญิง (p<0.05) ผู้ป่วยเพศชายมีการรับประทานยาผิดเวลามากกว่าเพศหญิง (p<0.05) ผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าจะมีคะแนนความร่วมมือในการใช้ยาเฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะซึมเศร้า (p<0.05) ผู้ป่วยที่มี off time 51-75% ต่อวัน จะมีคะแนนความร่วมมือในการใช้ยาเฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มี off time และมี off time ระดับต่างกัน (p<0.01) และเมื่อวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุ พบว่าคะแนนทัศนคติต่อยา การเกิด off time 51-75% ต่อวัน และเพศชาย สามารถทำนายความไม่ร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันได้ 22.3% (R² = 0.223) ปัจจัยด้านทัศนคติต่อยาจัดเป็นปัจจัยที่ส่งผลทางบวกต่อความร่วมมือในการใช้ยาซึ่งสามารถแก้ไขได้ ดังนั้นการดูแลผู้ป่วยเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยา จึงควรมุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนทัศนคติให้เหมาะสมต่อการดูแลรักษาด้วยยาเป็นสำคัญ |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |