![]() |
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินต่อระบบ อุทกนิเวศ กรณีศึกษา บริเวณคลองอ้อมนนท์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินต่อระบบ อุทกนิเวศ กรณีศึกษา บริเวณคลองอ้อมนนท์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี |
Creator | มานพ ศักดิ์อาธรทรัพย์ |
Contributor | ดนัย ทายตะคุ |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2554 |
Keyword | อุทกวิทยา -- นิเวศวิทยา -- นนทบุรี, สิ่งปกคลุมดิน -- นนทบุรี |
Abstract | การศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินต่อระบบอุทกนิเวศ โดยการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินจากพื้นที่เกษตรกรรมร่องสวนแบบดั้งเดิมมีสวนไม้ยืนต้นและร่องสวนเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นที่หมู่บ้านจัดสรร การเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาสำคัญต่อระบบอุทกนิเวศ (Marsh, 2005) โดยเฉพาะด้านการหน่วงน้ำของพื้นที่ภูมิทัศน์ซึ่งอยู่ในกระบวนการทางอุทกนิเวศส่งผลต่อปริมาณน้ำท่า(Runoff) โดยการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของช่วงเวลาการไหลในลำน้ำหลักส่งผลกระทบกับสภาพแวดล้อมโดยรวม กระบวนการของการวิจัยเริ่มด้วยการตั้งคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินมีผลกระทบต่อกระบวนการทางอุทกนิเวศอย่างไร จากนั้นทำการศึกษากรอบแนวคิดทฤษฎีด้านนิเวศภูมิทัศน์ (Landscape ecology) และทฤษฎีด้านอุทกนิเวศ (Hydro-Ecology) และมีการเก็บข้อมูลของพื้นที่กรณีศึกษาบริเวณคลอง อ้อมนนท์ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยมีข้อมูลที่สำคัญ คือ ภาพถ่ายทางอากาศ ปี พ.ศ.2523 เป็นตัวแทนของรูปแบบที่ 1 พื้นที่เกษตรกรรมแบบร่องสวนและภาพถ่ายทางอากาศ ปี พ.ศ.2553 เป็นตัวแทนของรูปแบบที่ 2 พื้นที่หมู่บ้านจัดสรร จากนั้นนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการสร้างรูปแบบการวิเคราะห์ โดยกำหนดเงื่อนไขสถานการณ์เชิงอุทกวิทยาเพื่อประมาณการหาปริมาณน้ำกับช่วงเวลาการหน่วงน้ำจากการดักทรงพุ่ม (Canopy interception) และการกักเก็บผิวดิน (Surface storage) เมื่อได้ผลออกมาแล้วนำไปวิเคราะห์เปรียบเทียบและอธิบายผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินต่อระบบอุทกนิเวศ ผลการศึกษาวิจัยเมื่อเปรียบเทียบพื้นที่เกษตรกรรมแบบร่องสวนและพื้นที่หมู่บ้านจัดสรรพบว่าพื้นที่เกษตรกรรมแบบร่องสวนมีปริมาณน้ำและช่วงเวลาการหน่วงน้ำมากกว่าพื้นที่หมู่บ้านจัดสรร ปริมาณน้ำดังกล่าวเมื่อไม่มีพื้นที่สำหรับหน่วงน้ำการระบายน้ำออกจากพื้นที่จึงมีระยะเวลาลดลงและทำให้เพิ่มอัตราการไหลของปริมาณน้ำท่าในลำน้ำหลักส่งผลให้บริเวณช่วงท้ายน้ำมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยซึ่งภูมิสถาปนิกจำเป็นต้องเข้าใจภาพรวมของผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสิ่งปกคลุมผิวดินต่อระบบอุทกนิเวศและตระหนักถึงความสำคัญด้านการบริการเชิงนิเวศของภูมิทัศน์ซึ่งเสมือนเป็นพื้นที่หน่วงน้ำ (Detention area)หรือพื้นที่หน่วงการไหล(Retarding area) |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |