รูปแบบระดับเสียงซึ่งได้รับอิทธิพลจากคุณสมบัติน้ำเสียงของพยัญชนะและสระในภาษาญัฮกุร (ชาวบน)
รหัสดีโอไอ
Title รูปแบบระดับเสียงซึ่งได้รับอิทธิพลจากคุณสมบัติน้ำเสียงของพยัญชนะและสระในภาษาญัฮกุร (ชาวบน)
Creator ฉัตรียา ชูรัตน์
Contributor ธีระพันธ์ เหลืองทองคำ
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2553
Keyword ภาษาญัฮกุร
Abstract งานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาและเปรียบเทียบพฤติกรรมค่าความถี่มูลฐานของสระซึ่งได้รับอิทธิพลจากคุณสมบัติน้ำเสียงของพยัญชนะและสระในภาษาญัฮกุร (ชาวบน) จากการออกเสียงของผู้พูดกลุ่มอายุมาก (60-75 ปี) และผู้พูดกลุ่มอายุน้อย (20-35 ปี) เพศหญิงกลุ่มละ 5 คน ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางกลสัทศาสตร์ได้ใช้โปรแกรม Praat เวอร์ชั่น 5.1.43 และวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย t-test แบบสองทาง (two-tailed test) เพื่อวิเคราะห์อิทธิพลของคุณสมบัติน้ำเสียงของพยัญชนะต้นที่มีผลต่อค่าความถี่มูลฐานของสระและค่าความถี่มูลฐานของสระที่มีคุณสมบัติน้ำเสียงต่างกัน และใช้ ANOVA (Analysis of Variance) เพื่อวิเคราะห์อิทธิพลของคุณสมบัติน้ำเสียงของพยัญชนะท้ายต่างประเภทที่มีผลต่อค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่ข้างหน้า โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ข้อค้นพบจากการวิเคราะห์พฤติกรรมค่าความถี่มูลฐานของสระในบริบทต่างๆ มีดังนี้ อิทธิพลของคุณสมบัติน้ำเสียงของสระ พบว่า ค่าความถี่มูลฐานของสระเสียงก้องธรรมดามากกว่าค่าความถี่มูลฐานของสระเสียงก้องต่ำทุ้ม ความแตกต่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทุกจุดเวลาในช่วง 0%-100% ของค่าระยะเวลา และสอดคล้องกันในผู้พูดทั้งสองกลุ่มอายุ ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน อิทธิพลของคุณสมบัติน้ำเสียงของพยัญชนะต้น พบว่า (1) ค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงกักไม่ก้องมากกว่าค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงกักก้อง และความแตกต่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทุกจุดเวลาในช่วง 0%-50% ของค่าระยะเวลา ในผู้พูดทั้งสองกลุ่มอายุ ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน (2) ค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงก้องกังวานอโฆษะมากกว่าค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงก้องกังวานโฆษะ และความแตกต่างมีนัยสำคัญจุดเวลาในช่วง 0%-50% ของค่าระยะเวลา ในผู้พูดทั้งสองกลุ่มอายุ ข้อค้นพบเป็นไปตามสมมติฐาน (3) ค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงกักไม่ก้องไม่พ่นลมและเสียงกักไม่ก้องพ่นลม แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงกักไม่ก้องไม่พ่นลมน้อยกว่าค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงกักไม่ก้องพ่นลม และแบบที่ 2 ค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงกักไม่ก้องไม่พ่นลมน้อยกว่าค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หลังพยัญชนะเสียงกักไม่ก้องพ่นลมในช่วงต้นและมากกว่าในช่วงท้าย ความแตกต่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทุกจุดเวลาในช่วง 0%-50% ของค่าระยะเวลา ในผู้พูดทั้งสองกลุ่มอายุ อย่างไรก็ตาม ข้อค้นพบไม่เป็นไปตามสมมติฐาน อิทธิพลของคุณสมบัติน้ำเสียงของพยัญชนะท้าย พบว่า มี 3 แบบ คือ แบบที่ 1: ค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หน้าเสียงกักมากกว่าของสระที่อยู่หน้าเสียงเสียดแทรก และค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หน้าเสียงเสียดแทรกมากกว่าของสระที่อยู่หน้าเสียงนาสิก แบบที่ 2: ค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หน้าเสียงกักมากกว่าของสระที่อยู่หน้าเสียงเสียดแทรก และค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หน้าเสียงเสียดแทรกน้อยกว่าของสระที่อยู่หน้าเสียงนาสิก และแบบที่ 3: ค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หน้าเสียงกักน้อยกว่าสระที่อยู่หน้าเสียงเสียดแทรก และค่าความถี่มูลฐานของสระที่อยู่หน้าเสียงเสียดแทรกมากกว่าของสระที่อยู่หน้าเสียงนาสิก ซึ่งความแตกต่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทุกจุดเวลาในช่วง 50%-100% ของค่าระยะเวลา เฉพาะในคำทดสอบสระ /u/ เท่านั้น โดยพฤติกรรมสอดคล้องกันในผู้พูดทั้งสองกลุ่มอายุ อย่างไรก็ตาม ข้อค้นพบไม่เป็นไปตามสมมติฐาน รูปแบบระดับเสียงที่ได้จากการวิเคราะห์ค่าความถี่มูลฐานของสระที่ได้รับอิทธิพลจากคุณสมบัติน้ำเสียงของพยัญชนะและสระ เป็นไปในทิศทางเดียวกันในผู้พูดทั้งสองกลุ่มอายุ อย่างไรก็ตาม ผู้พูดกลุ่มอายุมากมีระดับเสียงและทิศทางการขึ้นตกของระดับเสียงที่ชัดเจนมากกว่าในผู้พูดกลุ่มอายุน้อย ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน สรุปภาพรวมของงานวิจัย ในภาษาญัฮกุร (ชาวบน) สระเสียงก้องธรรมดา (v) จะมีระดับเสียงสูงกว่าสระเสียงก้องต่ำทุ้ม (v̤) คุณสมบัติน้ำเสียงมีกลุ่มลม (เช่น ph-) จะก่อให้เกิดระดับเสียงสูงที่สุด คุณสมบัติน้ำเสียงไม่ก้อง (เช่น p- hm-) จะก่อให้เกิดระดับเสียงสูง และคุณสมบัติน้ำเสียงก้อง (เช่น b- m-) จะก่อให้เกิดระดับเสียงต่ำที่สุด
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ