ผลของอุณหภูมิในการอบแห้งต่อฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของกระเจี๊ยบแดง Hibiscus sabdariffa
รหัสดีโอไอ
Title ผลของอุณหภูมิในการอบแห้งต่อฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของกระเจี๊ยบแดง Hibiscus sabdariffa
Creator วีรพล บวรวงศ์เสถียร
Contributor เกียรติศักดิ์ ดวงมาลย์,
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2553
Keyword กระเจี๊ยบแดง
Abstract งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของอุณหภูมิในการอบแห้ง และระยะเวลาการเก็บต่อฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของกลีบเลี้ยงดอกกระเจี๊ยบแดง ตัวอย่างสดที่ใช้ศึกษามีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดคำนวณในรูปของกรด แกลลิก 74.59 มิลลิกรัมต่อกรัมกระเจี๊ยบแดง (น้ำหนักแห้ง) มีปริมาณแอนโทไซยานินคำนวณในรูปของไซยานิดิน-3- กลูโคไซด์ 11.5 มิลลิกรัมต่อกรัมกระเจี๊ยบแดง (น้ำหนักแห้ง) มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันที่วิเคราะห์ในรูป DPPH radical scavenging activity รายงานเป็นค่าความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระเทียบเท่าวิตามินซี 15.24 มิลลิกรัมวิตามินซีต่อกรัมกระเจี๊ยบแดง (น้ำหนักแห้ง) และมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันที่วิเคราะห์ในรูป ferric ion reducing antioxidant power เทียบเท่า trolox 272.67 ไมโครโมลต่อกรัมกระเจี๊ยบแดง (น้ำหนักแห้ง) ในขั้นแรกศึกษาผลของอุณหภูมิ (55, 60, 65 และ 70 องศาเซลเซียส) ต่ออัตราการอบแห้งกระเจี๊ยบแดง พบว่าการอบแห้งกระเจี๊ยบแดงที่ 70 องศาเซลเซียส มีอัตราการอบแห้งสูงที่สุด รองลงมาคือที่ 65, 60 และ 55 องศาเซลเซียส ตามลำดับ เมื่อวิเคราะห์สมบัติของสารสกัด เมทานอลจากกระเจี๊ยบแดงอบแห้ง (ความชื้นร้อยละ 9 โดยน้ำหนักเปียก) พบว่ากระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่ 60 องศา-เซลเซียส มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด ปริมาณแอนโทไซยานิน และฤทธิ์ต้านออกซิเดชันสูงที่สุด (p≤0.05) เมื่อเปรียบเทียบกับกระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่อุณหภูมิอื่น ๆ เมื่อนำกระเจี๊ยบแดงอบแห้งจากขั้นตอนที่หนึ่งมาชงชา พบว่า น้ำชาจากกระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่ 60 องศาเซลเซียส มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด ปริมาณแอนโทไซยานิน และฤทธิ์ต้านออกซิเดชันสูงที่สุด (p≤0.05) เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำชาจากกระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่อุณหภูมิอื่น ๆ จากนั้นแปรอุณหภูมิในการอบแห้ง (55, 60 และ 65 องศาเซลเซียส) และระยะเวลาการเก็บ (1, 70 และ 140 วัน) กระเจี๊ยบแดง พบว่าที่ระยะเวลาการเก็บเดียวกันกระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่ 60 องศาเซลเซียส มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด ปริมาณแอนโทไซยานิน และฤทธิ์ต้านออกซิเดชันสูงที่สุด (p≤0.05) รองลงมาคือกระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่ 55 และ 65 องศา-เซลเซียส ตามลำดับ และเมื่อระยะเวลาการเก็บเพิ่มขึ้นฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของกระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่ทุกอุณหภูมิจะมีแนวโน้มลดลง (p≤0.05) ซึ่งการลดลงของฤทธิ์ต้านออกซิเดชันสอดคล้องกับการลดลงของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด และปริมาณแอนโทไซยานิน ขั้นตอนสุดท้ายศึกษาผลของอุณหภูมิในการอบแห้ง (55, 60 และ 65 องศา-เซลเซียส) และระยะเวลาการเก็บ (1, 21, 42, 63, 84, 105, 126, 147 และ 168 วัน) ต่อฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของน้ำชากระเจี๊ยบ พบว่าที่ระยะเวลาการเก็บเดียวกันน้ำชาจากกระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่ 60 องศาเซลเซียส มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด ปริมาณแอนโทไซยานิน และฤทธิ์ต้านออกซิเดชันสูงที่สุด (p≤0.05) และเมื่อระยะเวลาการเก็บเพิ่มขึ้นฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของน้ำชาจากกระเจี๊ยบแดงที่อบแห้งที่ทุกอุณหภูมิจะมีแนวโน้มลดลง (p≤0.05) ซึ่งการลดลงของฤทธิ์ต้านออกซิเดชันสอดคล้องกับการลดลงของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมด และปริมาณ แอนโทไซยานิน
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ