การประยุกต์ใช้เทคนิคอิควิเปอร์เซ็นไทล์สำหรับการวิเคราะห์อัตราความคลาดเคลื่อนของการกำหนดระดับผลการเรียนรู้ของนักเรียนในสาระการเรียนรู้ที่ต่างกัน
รหัสดีโอไอ
Title การประยุกต์ใช้เทคนิคอิควิเปอร์เซ็นไทล์สำหรับการวิเคราะห์อัตราความคลาดเคลื่อนของการกำหนดระดับผลการเรียนรู้ของนักเรียนในสาระการเรียนรู้ที่ต่างกัน
Creator จงกล บัวแก้ว
Contributor ศิริชัย กาญจนวาสี
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2553
Keyword การให้คะแนน (นักเรียนและนักศึกษา), การจัดกลุ่มตามความสามารถทางการศึกษา, นักเรียน -- การประเมิน, Grading and marking (Students), Ability grouping in education, Students -- Rating of
Abstract การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบอัตราความถูกต้องและความคลาดเคลื่อนของการกำหนดระดับผลการเรียนรู้ของนักเรียน ระหว่างระดับผลการเรียนรู้ตามคะแนนที่สังเกตได้กับคะแนนความสอดคล้องในสาระการเรียนรู้ที่ต่างกัน 3 กรณี คือ 1) เปรียบเทียบระหว่างสาระการเรียนรู้เมื่อยึด สาระการเรียนรู้ภาษาไทยเป็นหลัก 2) เปรียบเทียบระหว่างสาระการเรียนรู้เมื่อยึดสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เป็นหลัก และ 3) เปรียบเทียบระหว่างสาระการเรียนรู้เมื่อยึดสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นหลัก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ของโรงเรียนใน 3 สังกัด คือ สพฐ. สช. และ อปท. จำนวน 435 คน โดยการคัดเลือกนักเรียนที่ได้รับการสอนจากครูคนเดียวกันในแต่ละสาระการเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบบันทึกคะแนนนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยวิเคราะห์สถิติพื้นฐาน ช่วงคะแนนความสอดคล้อง ความถูกต้องและความคลาดเคลื่อนของการกำหนดระดับผลการเรียนรู้ อัตราความถูกต้องและอัตราความคลาดเคลื่อนของการกำหนดระดับผลการเรียนรู้โดยการประยุกต์ใช้เทคนิคอิควิเปอร์เซ็นไทล์ 3 วิธี สรุปผลการวิจัยได้ว่า 1) เมื่อยึดสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเป็นหลัก พบว่าทั้งสามวิธีมีอัตราความถูกต้องและอัตราความคลาดเคลื่อนระหว่างสาระการเรียนรู้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ .05 ซึ่งมีอัตราความถูกต้องในการกำหนดระดับผลการเรียนรู้โดยเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 27.20 และมีอัตราความคลาดเคลื่อนของการกำหนดระดับ ผลการเรียนรู้โดยเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 72.802) เมื่อยึดสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เป็นหลัก พบว่าทั้งสามวิธีมีอัตราความถูกต้องและอัตราความคลาดเคลื่อนระหว่างสาระการเรียนรู้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ .05 ซึ่งมีอัตราความถูกต้องในการกำหนดระดับผลการเรียนรู้โดยเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 49.12 และมีอัตราความคลาดเคลื่อนของการกำหนดระดับ ผลการเรียนรู้โดยเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 50.88 3) เมื่อยึดสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นหลัก พบว่าทั้งสามวิธีมีอัตราความถูกต้องและอัตราความคลาดเคลื่อนระหว่างสาระการเรียนรู้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ .05 ซึ่งมีอัตราความถูกต้องในการกำหนดระดับผลการเรียนรู้โดยเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 39.08 และมีอัตราความคลาดเคลื่อนของการกำหนดระดับ ผลการเรียนรู้โดยเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 60.92
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ