ผลของการดื่มน้ำกระเจี๊ยบและหญ้าหวานต่อภาวะความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยเบาหวานในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
รหัสดีโอไอ
Title ผลของการดื่มน้ำกระเจี๊ยบและหญ้าหวานต่อภาวะความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยเบาหวานในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
Creator สุชาติ อรุณศิริวัฒนา
Contributor สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2553
Keyword ความดันเลือดสูง -- การรักษา, เบาหวาน -- ผู้ป่วย, เบาหวาน -- ภาวะแทรกซ้อน, กระเจี๊ยบ -- การใช้รักษา, หญ้าหวาน -- การใช้รักษา, Hypertension -- Treatment, Diabetics, Diabetics -- Complications, Roselle -- Therapeutic use, Stevia rebaudiana -- Therapeutic use
Abstract ที่มา โรคความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยเบาหวานเป็นภาวะที่พบได้บ่อย จากการสำรวจเรื่องผลการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยเบาหวานในทวีปเอเซีย 7 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วยในปี พ.ศ. 2545 พบว่ามีเพียง 11%ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่เป็นเบาหวานร่วมด้วยที่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ตามเป้าหมายการดื่มน้ำกระเจี๊ยบช่วยลดความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมันในเลือดได้ หญ้าหวานเป็นพืชที่มีรสหวานโดยไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และให้ความหวานแทนน้ำตาลที่มีใช้กันมามากกว่า 20 ปี และไม่พบผลข้างเคียงในขนาดที่ใช้ในการใช้เป็นสารแทนความหวาน ทางคณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะนำกระเจี๊ยบและหญ้าหวานซึ่งเป็นพืชสมุนไพรไทยที่มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการลดความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยเบาหวานการวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบ Randomized Controlled trial ผู้ป่วยที่ยินยอมเข้าร่วมโครงการวิจัย จะหยุดยาลดความดันโลหิต 1 ชนิด (ยกเว้น β-blocker) เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จากนั้นนำเครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติไปวัดที่บ้านโดยวัดวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ค่าเฉลี่ยความดันโลหิตซิสโตลิคและ/หรือไดแอสโตลิคอยู่ระหว่าง 135/85-160/100 มิลลิเมตรปรอท จะถูกคัดเลือกเข้าสู่การศึกษา โดยจะได้รับการตรวจ ระดับไขมันในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด ค่าการทำงานของไต และค่าเอนไซม์ตับ และสุ่มแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม โดยผู้ป่วยกลุ่มที่หนึ่งจะได้ดื่มกระเจี๊ยบและหญ้าหวานในน้ำร้อน 240 มิลลิลิตร เช้า-เย็นระหว่างมื้ออาหารทุกวัน เป็นระยะเวลา 30 วัน ผู้ป่วยกลุ่มที่สองจะให้ดื่มน้ำร้อน 240 มิลลิลิตร เช้า-เย็นระหว่างมื้ออาหารเป็นระยะเวลา 30 วัน หลังจากนั้นผู้ป่วยจะได้รับการวัดความดันโลหิตซ้ำโดยใช้เครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติไปวัดที่บ้าน โดยวัดวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และจะได้รับการเจาะเลือดเพื่อตรวจระดับไขมันในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือดค่าการทำงานของไตและค่าเอนไซม์ตับซ้ำอีกครั้งจากจำนวนผู้ป่วย 46 ราย ผลการวิจัยในกลุ่มดื่มน้ำกระเจี๊ยบและหญ้าหวานความดันโลหิตเฉลี่ยก่อนและหลังเข้าร่วมโครงงานวิจัยเท่ากับ 145.1±6.56/82.9±8.47 มิลลิเมตรปรอท และ 140.9±9.00/81.4± 8.86 มิลลิเมตรปรอท ส่วนกลุ่มดื่มน้ำร้อน ความดันโลหิตเฉลี่ยก่อนและหลังเข้าร่วมโครงงานวิจัยเท่ากับ 141.9 ± 5.88/81.8±8.47 มิลลิเมตรปรอท และ 144.8±6.02/83.7±8.49มิลลิเมตรปรอทตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิตซิสโตลิคและไดแอสโตลิคระหว่างสองกลุ่มนั้นต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< 0.001 และ p=0.002 ตามลำดับ) ไม่พบความแตกต่างระหว่างระดับน้ำตาลและระดับไขมันในเลือดระหว่างกลุ่มศึกษาและกลุ่มควบคุมการศึกษานี้พบว่าการดื่มน้ำกระเจี๊ยบและหญ้าหวานมีผลต่อการลดลงของระดับความดันโลหิตซิสโตลิคและไดแอสโตลิค ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาล, โคเลสเตอรอล, ไตรกรีเซอไรด์, เอชดีแอล และแอลดีแอลในเลือด
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ