แนวทางการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการออกแบบ ภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษาชุมชนเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
รหัสดีโอไอ
Creator อัมพิกา อำลอย
Title แนวทางการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการออกแบบ ภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษาชุมชนเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
Publisher Thai Association of Landscape Architects
Publication Year 2568
Journal Title Journal of Landscape Architecture and Planning
Journal Vol. 7
Journal No. 1
Page no. 281822
Keyword ภูมิปัญญาท้องถิ่น, การบูรณาการ, การออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม, การพัฒนาอย่างยั่งยืน, เมืองคอง
URL Website https://so01.tci-thaijo.org/index.php/LAJ/index
Website title ThaiJO
ISSN 3027-8503 (Online)
Abstract การศึกษานี้มุ่งเน้นการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นกับกระบวนการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในชุมชนเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์ด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความสัมพันธ์เชิงลึกกับสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิปัญญาการจัดการน้ำด้วยระบบเหมืองฝาย การเกษตรที่อิงฤดูกาลและการใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนร่วมกับความเชื่อทางจิตวิญญาณ วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือ (1) ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมของชุมชนเมืองคอง และ (2) พัฒนาแนวทางการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าสู่กระบวนการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม โดยคำนึงถึงมิติด้านวัฒนธรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม การวิจัยใช้ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลระหว่างเดือนกันยายน–ธันวาคม พ.ศ. 2567 ผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม และการสำรวจภาคสนาม กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้นำชุมชน 6 คน และประชาชน 30 คน รวม 36 คน ซึ่งคัดเลือกโดยวิธีสุ่มเฉพาะเจาะจงและแบบโควตา เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างและแบบสำรวจข้อมูลเชิงพื้นที่ ผลการศึกษาพบว่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนเมืองคองสะท้อนผ่านการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มเครือญาติที่จัดวางเรือนพักอาศัยล้อมลานกลางบ้าน (ข่วง) ซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นที่กิจกรรมร่วมกัน ทั้งในชีวิตประจำวันและในพิธีกรรมประจำปี เช่น พิธีสืบชะตาและไหว้ผีป่า พื้นที่อยู่อาศัยถูกออกแบบให้สัมพันธ์กับสภาพภูมิประเทศเชิงเขา โดยมีการยกพื้นบ้านเพื่อรองรับฝนตกหนักและน้ำไหลเชี่ยวในฤดูฝน อีกทั้งยังเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติและวัสดุท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่และไม้เนื้ออ่อน ในโครงสร้างที่สามารถถอดประกอบและซ่อมแซมได้ง่าย การจัดการทรัพยากรน้ำและป่าไม้มีความเป็นระบบ ผ่านการใช้ระบบเหมืองฝาย (Muang Fai) ที่ชุมชนจัดเวรใช้น้ำอย่างเป็นธรรมผ่านกลไก “แก่ฝาย” ซึ่งสอดรับกับฤดูกาลเพาะปลูก และการรักษาป่าชุมชนที่เป็นทั้งแหล่งอาหาร แหล่งยาสมุนไพร และพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ภายใต้ความเชื่อเรื่องผีป่า–ผีเขา โดยมีพิธีกรรมควบคู่เพื่อแสดงความเคารพและรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ ภูมิปัญญาเหล่านี้แสดงถึงการบูรณาการอย่างแนบแน่นระหว่างภูมิประเทศ วัฒนธรรม ความเชื่อ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์เป็นแนวทางการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืน โดยสามารถจำแนกออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ (1) มิติด้านวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชุมชน (2) มิติด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (3) มิติด้านสังคมและการมีส่วนร่วมของชุมชน แนวทางที่พัฒนาขึ้นนี้มีส่วนช่วยในการอนุรักษ์และฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่น ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และธำรงไว้ซึ่ง อัตลักษณ์ท้องถิ่นให้สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองในบริบทชุมชนชาติพันธุ์เชิงนิเวศเช่นเมืองคอง
Thai Association of Landscape Architects

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ