ความชุกทางเซรั่มวิทยาของการติดเชื้อริกเก็ตเซียในหนู ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนของประเทศไทย
รหัสดีโอไอ
Creator คณพศ ทองขาว
Title ความชุกทางเซรั่มวิทยาของการติดเชื้อริกเก็ตเซียในหนู ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนของประเทศไทย
Contributor วุฒิกรณ์ รอดความทุกข์, กชพรรณ สุกระ, อุบลรัตน์ นิลแสง, ทัศนีย์ จิตรแก้ว, ยุพยง อัตตะ, พิสิษฐ์ พูลประเสริฐ
Publisher กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค
Publication Year 2566
Journal Title วารสารควบคุมโรค
Journal Vol. 49
Journal No. 1
Page no. 98-109
Keyword ความชุกการติดเชื้อ, เชื้อริกเก็ตเซีย, สครับไทฟัส, ทิคไทฟัส, มิวรีนไทฟัส, ภาคใต้ตอนบน
URL Website https://www.tci-thaijo.org/index.php/DCJ
Website title เว็บไซต์วารสารควบคุมโรค
ISSN 2651-1649
Abstract การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาชนิดและความชุกการติดเชื้อริกเก็ตเซียของหนูในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนของประเทศไทย โดยการวางกรงดักจับหนูในพื้นที่และเก็บตัวอย่างเซรั่มหนูที่จับได้เพื่อตรวจหาภูมิคุ้มกันชนิด IgG ต่อเชื้อริกเก็ตเซียด้วยวิธี Indirect Immunofluorescence Assay (IFA) ผลการศึกษา พบว่าจำนวนกับดักที่วางทั้งหมด 1,050 กรง ดักจับหนูได้ 124 ตัว คิดเป็นร้อยละความสำเร็จของการวางกับดัก (percent trap success) เท่ากับ 11.81 หนูที่จับได้สามารถจำแนกได้ 12 ชนิด โดยชนิดหนูที่พบมากที่สุด คือ หนูท้องขาว (Rattus tanezumi) ร้อยละ 70.97 หนูพุกใหญ่ (Bandicota indica) และหนูฟานเหลือง (Maxomys surifer) ร้อยละ 6.45 หนูควาย (Sundamys muelleri) และหนูขนเสี้ยนสีน้ำตาล (Niviventer fulvescens) ร้อยละ 4.03 หนูป่ามาเลย์ (R. tiomanicus) และหนูฟานเล็ก (Maxomys whiteheadi) ร้อยละ 1.61 หนูหริ่งบ้าน (Mus musculus castaneus) หนูนาใหญ่ (R. argentiventer) หนูท้องขาว (R. sladeni) หนูขนเสี้ยนลางเบียน (N. langbiansis) และ หนูผีหางหมู (Hylomys suillus siamensis) ร้อยละ 0.81 ตามลำดับ สำหรับความชุกการติดเชื้อแบคทีเรียริกเก็ตเซีย เท่ากับร้อยละ 37.90 จากตัวอย่างเซรั่มที่ส่งตรวจทั้งหมด 124 ตัวอย่าง พบว่าตรวจพบภูมิคุ้มกันชนิด IgG ต่อเชื้อโรคสครับไทฟัส เท่ากับร้อยละ 37.90 และตรวจพบภูมิคุ้มกันชนิด IgG ต่อเชื้อโรคทิคไทฟัสเท่ากับร้อยละ 1.61 แต่ตรวจไม่พบภูมิคุ้มกันชนิด IgG ต่อเชื้อโรคมิวรีนไทฟัส จากข้อมูลการวิจัยครั้งนี้พบอัตราการติดเชื้อริกเก็ตเซียที่เกิดจากเห็บ (tick) ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้รากสาดอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ จึงเห็นควรดำเนินการเฝ้าระวังโรคกลุ่มไข้รากสาดในหนูและศึกษาสัตว์พาหะนำโรคชนิดอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ไรอ่อน (chigger) เห็บ (tick) เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับคาดการณ์การเกิดโรคในพื้นที่ และให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองหากมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงที่มีอัตราการติดเชื้อในสัตว์รังโรค
กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ