![]() |
สถานการณ์การตีตราและเลือกปฏิบัติจากเอชไอวีในเขตสุขภาพที่ 9 ปี 2562 |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | กัลยาณี จันธิมา |
Title | สถานการณ์การตีตราและเลือกปฏิบัติจากเอชไอวีในเขตสุขภาพที่ 9 ปี 2562 |
Contributor | ศิวะยุทธ สิงห์ปรุ, วีรพล จันธิมา |
Publisher | กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค |
Publication Year | 2565 |
Journal Title | วารสารควบคุมโรค |
Journal Vol. | 48 |
Journal No. | 3 |
Page no. | 505-513 |
Keyword | การตีตรา, การเลือกปฏิบัติ, เอชไอวี |
URL Website | https://www.tci-thaijo.org/index.php/DCJ |
Website title | เว็บไซต์วารสารควบคุมโรค |
ISSN | 2651-1649 |
Abstract | การตีตราและการเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเอชไอวีเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี และส่งผลต่อการเข้าสู่ระบบบริการและภาวะสุขภาพของผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจและติดตามสถานการณ์การตีตราและการเลือกปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเอชไอวีหรือเอดส์ ใน 3 จังหวัดของเขตสุขภาพที่ 9 เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลปี 2560 และ 2562 กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย 1) ผู้ปฏิบัติงานในสถานบริการสุขภาพ สุ่มตัวอย่างแบบหลายระดับ จำนวน 648 ราย ในปี 2560 และ 435 ราย ในปี 2562 2) กลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มารับบริการในสถานบริการสุขภาพ สุ่มตัวอย่างเป็นรายบุคคล จำนวน 642 ราย ในปี 2560 และ 618 ราย ในปี 2562 เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา เช่น ความถี่ ร้อยละ ผลการเปรียบเทียบข้อมูลปี 2560 และ 2562 พบว่าผู้ปฏิบัติงานในสถานบริการสุขภาพยังมีการตีตราและการเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเอชไอวีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ความกลัวว่าจะติดเชื้อในขณะดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 56.0 เป็นร้อยละ 57.0 เคยมีทัศนคติตีตราต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มจากร้อยละ 78.0 เป็นร้อยละ 80.0 ด้านผู้ติดเชื้อเอชไอวีเคยหลีกเลี่ยงการไปรับบริการลดลงจากร้อยละ 13 เป็นร้อยละ 7 การตีตราตนเองภายในเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33 เป็นร้อยละ 50 การตีตราและเลือกปฏิบัติกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีในผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพในเขตสุขภาพที่ 9 ปี 2562 สูงกว่าข้อมูลที่ศึกษาในปี 2560 การที่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่เหมาะสม อาจทำให้เสียชีวิตหรือแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้น ควรขยายพื้นที่การดำเนินงานพัฒนาองค์ประกอบหลักของการตีตราและเลือกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการฝึกอบรมการพัฒนาคุณภาพการจัดบริการ สามารถนำไปใช้โดยกลุ่มประชากรหลักเพื่อลดการตีตราตนเอง และส่งเสริมสิทธิในการเข้าถึงการป้องกันดูแลรักษาให้มากขึ้น |