![]() |
ปัญหาสุขภาพจากการทำงานในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว)จังหวัดสมุทรสาคร |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | สร้อยสุดา เกสรทอง |
Title | ปัญหาสุขภาพจากการทำงานในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว)จังหวัดสมุทรสาคร |
Contributor | รณภูมิ สามัคคีคารมย์, รัชนีวรรณ คุณูปกร |
Publisher | สถาบันวิจัย จัดการความรู้ และมาตรฐานการควบคุมโรค |
Publication Year | 2560 |
Journal Title | วารสารควบคุมโรค |
Journal Vol. | 43 |
Journal No. | 3 |
Page no. | 255-269 |
Keyword | ปัญหาสุขภาพ, ปัญหาด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน, แรงงานข้ามชาติ |
URL Website | https://www.tci-thaijo.org/index.php/DCJ |
Website title | เว็บไซต์วารสารควบคุมโรค |
ISSN | 1685-6481 |
Abstract | การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว)ทั้งปัญหาสุขภาพทั่วไป ปัญหาอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน การรับรู้ความเสี่ยงจากการทำงานและการเกิดโรค อุบัติเหตุ และอันตรายจากการทำงาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ กับการรับรู้และประสบการณ์การเกิดโรค อุบัติเหตุ และอันตรายจากการทำงานของแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) ในจังหวัดสมุทรสาคร โดยรวบรวมข้อมูลการสัมภาษณ์ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) สัญชาติเมียนมาร์ ลาวและกัมพูชา จำนวน 1,014 คน ที่ทำงานประมง เกษตรกรรม ก่อสร้างและอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงคุณภาพรวบรวมจากการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) และกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข ผลการศึกษาพบว่า แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) ส่วนใหญ่สัญชาติเมียนมาร์(ร้อยละ 95.0) กลุ่มช่วงอายุ 25-34 ปี (43.3) ทำงานอยู่ในกิจการประมง (ร้อยละ 35.7) ได้รับค่าจ้างเป็นรายสัปดาห์ (ร้อยละ41.8) และมีชั่วโมงการทำงานวันละ 8-12 ชั่วโมง (ร้อยละ 60.0) ประสบการณ์ปัญหาสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) ขณะที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยพบสูงสุดคือ ปวดศีรษะ (ร้อยละ 58.4)รองลงมาคือ ปวดหลัง (ร้อยละ 40.6) และท้องเสีย (ร้อยละ 30.4) ตามลำดับ ในเรื่องของการรับรู้ความเสี่ยงจากการทำงานพบว่า ปัจจัยด้านลักษณะงานและระยะเวลาการทำงานมีความสัมพันธ์กับการรับรู้ความเสี่ยง โดยที่แรงงานในกลุ่มเกษตรกรรมจะรับรู้ความเสี่ยงสูงสุดเกี่ยวกับโรคผิวหนัง แรงงานในกลุ่มประมงจะรับรู้ความเสี่ยงสูงสุดในเรื่องของการลื่นหกล้ม และการรับรู้ในเรื่องของการบาดเจ็บจากการยกของหนัก จะพบสูงสุดในกลุ่มงานก่อสร้าง ในเรื่องของการเกิดโรค อุบัติเหตุ และอันตรายจากการทำงานจะมีความสัมพันธ์กับลักษณะงาน เพศ และระยะเวลาการทำงาน โดยพบว่า แรงงานที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมมีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังสูงสุดแรงงานที่อยู่ในงานก่อสร้างเกิดการบาดเจ็บจากการยกของหนักสูงสุดสำหรับการเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องจักรหนีบ/ ตัด จะเกิดในเพศชายสูงกว่าเพศหญิง แรงงานที่ทำงาน 12-18 ชั่วโมงต่อวัน ประสบอุบัติเหตุจากการลื่นล้มสูงสุดในขณะที่แรงงานที่ทำงานมากกว่า 18 ชั่วโมงต่อวัน ประสบอุบัติเหตุจากการตกจากที่สูงสูงสุด ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่า สภาพหรือสิ่งแวดล้อมการทำงานของแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) จะไม่แตกต่างกัน แต่อุปสรรคด้านภาษาสื่อสารอาจจะส่งผลให้แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าแรงงานไทย ส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน การจัดระบบบริการสุขภาพแก่แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) จะจัดให้ตามสิทธิ์ เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ การขึ้นทะเบียนแรงงานและการตรวจสุขภาพประจำปี เป็นต้น ในเรื่องการรักษาพยาบาล ทางหน่วยงานสาธารณสุขให้บริการดูแลแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) เป็นอย่างดี แต่อาจขาดการดำเนินงานเชิงส่งเสริมป้องกัน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพให้แก่กลุ่มแรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) อีกด้วยข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้คือ หน่วยงานภาครัฐและเจ้าของสถานประกอบกิจการควรร่วมมือกันดูแลสุขภาพ และความปลอดภัยในการทำงานแก่แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) โดยเน้นการดำเนินงานในเชิงป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ นอกจากนี้ สื่อที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน ควรจัดทำเป็นภาษาที่แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) สามารถเข้าใจและเข้าถึงสื่อต่าง ๆ เหล่านั้นได้ เพื่อสร้างความตระหนักด้านสุขภาพและความปลอดภัยจากการทำงานให้แก่แรงงานข้ามชาติ (แรงงานต่างด้าว) |