การพัฒนาแนวทางการป้องกันอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างสำหรับผู้สูงอายุไทย: กรณีศึกษาจังหวัดฉะเชิงเทรา
รหัสดีโอไอ
Title การพัฒนาแนวทางการป้องกันอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างสำหรับผู้สูงอายุไทย: กรณีศึกษาจังหวัดฉะเชิงเทรา
Creator ศิรินันท์ คำสี
Contributor พสิษฐ์พล วัชรวงศ์วาน, ที่ปรึกษา
Publisher มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Publication Year 2567
Keyword แนวทาง, การป้องกัน, อุบัติเหตุจราจร, ผู้สูงอายุ, จักรยานยนต์พ่วงข้าง, Guidelines, Prevention, Accidents, Eelderly, Motorcycle sidecars
Abstract ผู้สูงอายุจำนวนมากในประเทศไทยใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง (Motorcycles With Sidecars) ในการขนส่ง รถจักรยานยนต์พ่วงข้างส่วนใหญ่ดัดแปลงโดยช่างในชุมชนจากรถจักรยานยนต์มาตรฐาน ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของยานพาหนะ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่ารถจักรยานยนต์ทั่วไป ซึ่งยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนอุบัติเหตุที่เกิดจากรถจักรยานยนต์พ่วงข้างและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุในผู้สูงอายุ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเติมเต็มช่องว่างและพัฒนาแนวปฏิบัติในการป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าวโดยใช้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นกรณีศึกษา การศึกษานี้ดำเนินการระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 โดยใช้การออกแบบวิธีผสมผสานพร้อมกระบวนการอธิบายและการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาแนวทางการป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรในผู้สูงอายุในจังหวัดฉะเชิงเทรา การศึกษาประกอบด้วยสองขั้นตอน ขั้นตอนแรกใช้กระบวนการอธิบายเพื่อ 1) กำหนดความชุกของอุบัติเหตุจราจรที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างในผู้สูงอายุ 2) ระบุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และ 3) สำรวจมุมมองของผู้สูงอายุเกี่ยวกับการบาดเจ็บจากการจราจรและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อมูลโดย 1) การสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วม 600 คน 2) โดยใช้แบบสอบถามการตรวจสอบความปลอดภัยของรถเทียมข้างรถจักรยานยนต์ และ 3) การสนทนากลุ่มสนทนากับกลุ่มผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขั้นตอนที่สองใช้การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อจัดทำแนวทางการป้องกันโดยใช้ผลลัพธ์จากขั้นตอนข้างต้นการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการวิจัยเชิงปริมาณใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การประมาณค่าของความเสี่ยง (ORs) ค่าความเสี่ยงที่ปรับแล้ว (aORs) ค่าความน่าจะเป็น (p-value) และช่วงความเชื่อมั่น 95% การวิเคราะห์เนื้อหาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการวิจัยเชิงคุณภาพ จากผู้เข้าร่วม 600 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (ร้อยละ 53.7) เพศหญิง (ร้อยละ 46.3) มีอายุเฉลี่ย 67.2 ปี ส่วนใหญ่จบระดับประถมศึกษา (ร้อยละ 85.2) ประกอบอาชีพเกษตรกร (ร้อยละ 85.2) มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 10,000 บาท (ร้อยละ 71.8) และมีโรคประจำตัวอย่างน้อย 1 โรค (ร้อยละ 72.5) รถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่ใช้ไม่ได้ต่อทะเบียน (ร้อยละ 50.3) ในกลุ่มผู้เข้าร่วมการศึกษานี้ (ร้อยละ 53.3) รายงานอุบัติเหตุจราจรอย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ระดับการศึกษาประถมศึกษา (aOR 1.96, 95%CI 1.05-3.64) รายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 10,000 บาท (aOR 2.23, 95%CI 1.25-3.99) มีโรคเรื้อรังอย่างน้อย 1 โรค (aOR 2.48, 95%CI 1.53-4.02) ไม่สวมหมวกนิรภัย (aOR 4.12, 95%CI 2.21-7.69) และความรู้เกี่ยวกับป้ายจราจรและการขับรถเทียมข้างรถจักรยานยนต์ไม่เพียงพอ (aOR 18.19, 95%CI 11.23-29.48) การสัมภาษณ์กลุ่มสนทนามี 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) การสูงวัยซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ 2) สภาพความไม่ปลอดภัยของระบบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 3) ความปลอดภัยทางถนน และ 4) แนวปฏิบัติในการป้องกันอุบัติเหตุจราจร แนวทาง 3 ประการจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ 1) การปรับปรุงนโยบายการจัดการรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 2) การรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับกฎจราจรและป้ายสำหรับผู้สูงอายุ และ 3) การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกายภาพและวัฒนธรรมการขับขี่ในชุมชน
Thammasat University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ