บทบาทของความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่ม และในตนที่เป็นตัวแปรส่งผ่านระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับความผูกพันต่อองค์การของครู:การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับ
รหัสดีโอไอ
Title บทบาทของความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่ม และในตนที่เป็นตัวแปรส่งผ่านระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับความผูกพันต่อองค์การของครู:การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับ
Creator เสาวรส ยิ่งวรรณะ
Contributor อวยพร เรืองตระกูล, สุวิมล ว่องวาณิช
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2555
Keyword ครู -- ความพอใจในการทำงาน, ความสามารถในตนเอง, ความผูกพันต่อองค์การ, Teachers -- Job satisfaction, Self-efficacy, Organizational commitment
Abstract การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ (1) เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความตรงของโมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูที่มีการวัดตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มแบบอิงตน(2) เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความตรงของโมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูที่มีการวัดตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มแบบอิงกลุ่ม(3) เพื่อเปรียบเทียบความสอดคล้องของโมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูระหว่างโมเดลที่มีการวัดตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มแบบอิงตนและโมเดลที่มีการวัดตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มแบบอิงกลุ่ม (4) เพื่อศึกษาอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมของตัวแปรระดับบุคคลและระดับกลุ่มสาระการเรียนรู้ในโมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูและ (5) เพื่อศึกษาบทบาทการส่งผ่านของตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพในตน และตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มในโมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ประกอบด้วยครูจำนวน 1,481 คน หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้จำนวน 180 คน จากโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่จำนวน 45โรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงบรรยาย การวิเคราะห์ความแปรปรวน การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างและการวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบความตรงของโมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป SPSS, LISREL, Mplusตามลำดับ ผลการวิจัยสรุปได้ว่า (1) โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูที่มีการวัดตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มแบบอิงตนมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์(X²=118.054 ,df=95, p=0.055, CFI = 0.997, TLI = 0.996, RMSEA = 0.013, SRMRw= 0.011, SRMRB = 0.086) (2) โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูที่มีการวัดตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มแบบอิงกลุ่มมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (X²=125.416 ,df=103, p=0.066, CFI = 0.997, TLI = 0.996, RMSEA = 0.012, SRMRw= 0.004, SRMRB = 0.139) (3) โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูที่มีการวัดตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มแบบอิงกลุ่มมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์มากกว่าโมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับความผูกพันต่อองค์การของครูที่มีการวัดตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มแบบอิงตน โดยปัจจัยระดับบุคคลอธิบายความผูกพันต่อองค์การได้ร้อยละ 79.9 และปัจจัยระดับกลุ่มสาระการเรียนรู้อธิบายความผูกพันต่อองค์การของครูได้ร้อยละ 95.1 (4) อิทธิพลของตัวแปรทำนายในโมเดลการวิจัยระดับบุคคล พบว่า ความพึงพอใจในงานมีอิทธิพลรวมสูงสุดเท่ากับ 0.787 เป็นอิทธิพลที่เกิดจากอิทธิพลทางตรงเท่านั้น และอิทธิพลของตัวแปรทำนายในโมเดลการวิจัยระดับกลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า ความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มมีอิทธิพลรวมสูงสุดเท่ากับ 0.759 เป็นอิทธิพลทางตรงเท่ากับ 0.626 และมีขนาดอิทธิพลทางอ้อมผ่านความพึงพอใจในงานเท่ากับ 0.133 และ (5)ตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพรวมกลุ่มเป็นตัวแปรส่งผ่านและมีบทบาทการส่งผ่านแบบสมบูรณ์ระหว่างจากภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปยังความผูกพันต่อองค์การของครูแต่ไม่พบบทบาทการส่งผ่านของตัวแปรความเชื่อประสิทธิภาพในตนระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับความผูกพันต่อองค์การของครู
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ