เทคนิคการสำรวจระยะไกลเพื่อการประมาณค่าผลผลิตมวลชีวภาพสวนป่าชายเลน
รหัสดีโอไอ
Title เทคนิคการสำรวจระยะไกลเพื่อการประมาณค่าผลผลิตมวลชีวภาพสวนป่าชายเลน
Creator วิโรจน์ ละอองมณี
Contributor ชัยโชค ไวภาษา
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2554
Keyword ชีวมวล -- การวิเคราะห์ข้อมูลระยะไกล, ป่าชายเลน, Biomass -- Remote sensing, Mangrove forests
Abstract การศึกษาวิจัยเพื่อหาข้อสรุปความเหมาะสมของขนาดจุดภาพที่ใช้ ความเหมาะสมของดัชนีพืชพรรณซึ่งนำไปประมาณค่าดัชนีพื้นที่ใบ ตลอดจนการทดสอบผลจากเทคนิคการปรับปรุงคุณภาพจุดภาพด้วยวิธีหลอมภาพ (Satellite Image Fusion) ในรูปแบบต่าง ๆ และใช้ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมในช่วงคลื่นไมโครเวฟ (Microwave Remote Sensing) มาร่วมประมาณค่าผลผลิตมวลชีวภาพในสวนป่าชายเลน ผลการศึกษาสรุปได้ว่าขนาดจุดภาพที่เหมาะสมในการประมาณค่าดัชนีพื้นที่ใบในสวนป่าชายเลนอยู่ที่ขนาด 10-เมตร ในทุก ๆ ดัชนีพืชพรรณ (R2 ระหว่าง 0.71 ถึง 0.82) โดยมีดัชนีพืชพรรณ Tasseled Cap Transformed Green Vegetation (TCT-GVI) ได้ค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจสูงที่สุดคือ R2 = 0.824 ถัดมาเป็น Enhanced Vegetation Index (EVI) R2 = 0.817 และ Normalization Difference Vegetation Index (NDVI) R2 = 0.810 ซึ่งไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และผลการวิเคราะห์เพื่อประมาณค่าผลผลิตมวลชีวภาพเป็นดัชนีพืชพรรณ EVI ที่มีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจสูงที่สุดได้ R2 = 0.54 รองลงมาเป็น NDVI ที่ R2 = 0.50 และ TCT-GVI ได้ R2 = 0.46 จากแบบจำลองประมาณค่าผลผลิตมวลชีวภาพในพื้นที่สวนป่าชายเลน บางปู ฯ ด้วยข้อมูลดัชนี EVI ได้ 85.38 ตันต่อเฮกตาร์ ในขณะที่ผลการทดสอบการประมาณค่าผลผลิตมวลชีวภาพจากเทคนิคการปรับปรุงคุณภาพจุดภาพด้วยวิธีหลอมภาพ ไม่ปรากฎว่ามีเทคนิคใดเหมาะสม ( R2 อยู่ระหว่าง 0.020 ถึง 0.048) แต่พบว่าการใช้ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมในช่วงคลื่นไมโครเวฟ (ALOS PALSAR) สามารถประมาณค่าผลผลิตมวลชีวภาพในพื้นที่สวนป่าชายเลนได้ดี (R2 = 0.87) และ R2 = 0.88 เมื่อใช้ร่วมกับข้อมูลภาพในช่วงคลื่นแสง ซึ่งประมาณค่าผลผลิตในพื้นที่ได้ 111.17 ตันต่อเฮกตาร์
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ