![]() |
วิเคราะห์เดี่ยวจะเข้เพลงกราวในสามชั้นทางอาจารย์ศิวศิษฏ์ นิลสุวรรณ |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | วิเคราะห์เดี่ยวจะเข้เพลงกราวในสามชั้นทางอาจารย์ศิวศิษฏ์ นิลสุวรรณ |
Creator | เกียรติรัตน์ หุ่นสุวรรณ |
Contributor | ขำคม พรประสิทธิ์ |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2554 |
Keyword | ศิวศิษฏ์ นิลสุวรรณ, 2508-, การวิเคราะห์ทางดนตรี, เพลงกราวใน, จะเข้, เพลงไทยเดิม, Siwasit Nilsuwan, 1965-, Musical analysis, Songs, Thai |
Abstract | ศึกษาบริบทที่เกี่ยวข้อง ศึกษาโครงสร้างเพลงและศึกษารูปแบบการดำเนินทำนองและกลวิธีพิเศษของเดี่ยวจะเข้ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยพบว่า เพลงกราวในถือเป็นเพลงเดี่ยวขั้นสูงที่มีความสำคัญ ผู้ที่จะถ่ายทอดหรือสืบทอดได้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถสูง มีวุฒิภาวะ เคยบวชเรียนแล้ว และได้รับการอนุญาตจากครูผู้สอน นอกจากนี้ยังเป็นบทเพลงที่ใช้ในพิธีกรรมของสงฆ์ ใช้บรรเลงรวมอยู่ในเพลงชุดโหมโรงเย็น ใช้บรรเลงประกอบการแสดงโดยเฉพาะเป็นบทเพลงสำหรับตัวยักษ์ เพลงกราวในเป็นเพลงที่มีทำนองประกอบด้วยกันในลักษณะ “โยน” การเดี่ยวกราวในสำหรับเครื่องดนตรีประเภทปี่พาทย์จะประดิษฐ์เป็นอัตราสามชั้น สำหรับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายจะเป็นอัตราสองชั้น เคยมีการประดิษฐ์เป็นอัตราสามชั้นด้วยได้แก่ ทางคุณครูแสวง อภัยวงศ์ ทำนองหลักที่นำมาเป็นต้นรากในการประพันธ์ทางเดี่ยวครั้งนี้ เป็นทางฝั่งธนบุรี ซึ่งอาจารย์ศิวศิษฏ์ นิลสุวรรณได้รับการถ่ายทอดจากคุณครูวิเชียร เกิดผล ศิลปินอาวุโสบ้านใหม่หางกระเบน ประกอบด้วยกัน 6 กลุ่มเสียงโยน ทำนองทางเดี่ยวจะเข้พบลักษณะพิเศษ 6 ประการที่ถือว่าเป็นการเรียบเรียงกลวิธีสำหรับการเดี่ยวจะเข้ใหม่ ได้แก่ ประการแรกการดำเนินทำนองโดยการใช้ไม้ดีดจะเข้ดำเนินทำนองจังหวะหน้าทับควบคู่ไปกับการดำเนินทำนองเพลง ประการที่สองการดำเนินทำนองด้วยการรัวไม้ดีดโดยละเอียดประกอบกับเสียงในสายลวดลักษณะ 2 พยางค์เสียงต่อ 1 ห้องโน้ตเพลง สลับกับการใช้ไม้ดีดเข้าที่สายเอกและสายลวดเป็นชุดทำนอง ประการที่สามคือการใช้กลวิธีการดำเนินทำนองเดี่ยวจะเข้คือ “ลักษณะการตบสายแบบขยี้” ประการที่สี่คือการดีดตบสาย 2 ระบบพร้อมกัน กล่าวคือระบบทำนองห่างประกอบกับการทอนทำนองเพลง ถือเป็นทำนอง 1 ชุด แล้วดีดทำนองดังกล่าวหลายๆ ชุดติดต่อกัน ประการที่ห้า คือดำเนินทำนองแบบการดีดเก็บแบบฝากในลักษณะที่เสียงลูกตกเป็นเสียงเดียวกันแบบคู่ 8 ได้แก่เสียงต่ำและเสียงสูง หลังจากนั้นทอนทำนองด้วยวิธีเดียวกันอีกชั้นหนึ่ง และประการสุดท้ายคือ “การดีดรัวรูดประกอบการดีดแบบทิงนอย” ซึ่งลักษณะการดำเนินทำนองเช่นนี้ยังไม่ปรากฏในการเดี่ยวจะเข้ทั่วไป |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |