![]() |
ความใกล้ชิดชุมชนกับการออกเสียง (ħ) ของผู้พูดภาษาไทยถิ่นใต้พลัดถิ่น ที่ หมู่บ้านบางบัวทอง ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | ความใกล้ชิดชุมชนกับการออกเสียง (ħ) ของผู้พูดภาษาไทยถิ่นใต้พลัดถิ่น ที่ หมู่บ้านบางบัวทอง ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี |
Creator | จุฑาภรณ์ พูลเพิ่ม |
Contributor | อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์ |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2554 |
Keyword | ภาษาไทยถิ่นใต้ -- การออกเสียง, ชุมชน -- ไทย -- บางบัวทอง (นนทบุรี), Southern Thai language -- Pronunciation, Communities -- Thailand -- Bang Bua Thong (Nonthaburi) |
Abstract | เสียง ฮ ขึ้นจมูก [ħ] ซึ่งเป็นเสียงปฏิภาคกับเสียง ง ในภาษาไทยมาตรฐาน เป็นเสียงหนึ่งที่แสดงอัตลักษณ์ของภาษาไทยถิ่นใต้ งานวิจัยในอดีตที่ศึกษาการแปรของเสียงนี้ โดย ปาลีรัฐ ทรัพย์ปรุง (2536) แสดงให้เห็นว่า การออกเสียงนี้กำลังจะหายไปจากภาษาไทยถิ่นใต้จังหวัดสงขลา แต่ในกรณีที่คนไทยถิ่นใต้ย้ายไปอยู่เป็นชุมชนพลัดถิ่นที่อื่น ซึ่งมีความใกล้ชิดและความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น คำถามจึงเกิดขึ้นว่าความใกล้ชิดชุมชนจะทำให้คนไทยถิ่นใต้ออกเสียง [ħ] มากน้อยเพียงใด งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การแปรในการออกเสียง (ħ) ตามตัวแปรความใกล้ชิดชุมชน เพศและอายุ และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความใกล้ชิดชุมชนกับ เพศ และอายุ ของผู้พูดภาษาไทยถิ่นใต้พลัดถิ่น ที่หมู่บ้านบางบัวทอง ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ข้อมูลการออกเสียง (ħ) ได้มาจากการสนทนาต่อเนื่องของผู้บอกภาษาจำนวน 60 คน ส่วนข้อมูลความใกล้ชิดชุมชน ได้มาจากการถามคำถามเพื่อทดสอบความใกล้ชิดชุมชนของผู้บอกภาษาจำนวน 10 ข้อ ผลการวิจัยพบว่า โดยทั่วไปผู้พูดภาษาไทยถิ่นใต้พลัดถิ่นในชุมชนนี้ออกเสียงท้องถิ่น [ħ] มากกว่าเสียงมาตรฐาน [ŋ] โดยกลุ่มผู้พูดที่ออกเสียงท้องถิ่น [ħ] มากที่สุด ได้แก่ กลุ่มมีอายุ 65-75 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 45-55 ปี และกลุ่มอายุ 25-35 ปี ตามลำดับ และน้อยที่สุดคือ กลุ่มอายุ 5-15 ปี ผลการศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างการออกเสียง [ħ] กับเพศของผู้พูด พบว่าเพศหญิงใช้เสียงท้องถิ่น [ħ] มากกว่าเพศชาย ส่วนผลการศึกษาความใกล้ชิดชุมชนพบว่า ความใกล้ชิดชุมชนลดหลั่นกันตามอายุ กล่าวคือ ผู้พูดยิ่งมีอายุมากก็จะยิ่งมีความใกล้ชิดชุมชนมาก และเมื่อวิเคราะห์ตัวแปรเพศพบว่า เพศหญิงมีความใกล้ชิดชุมชนมากกว่าเพศชาย เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างความใกล้ชิดชุมชนกับเพศ อายุและตัวแปรภาษา พบว่า ผู้พูดเพศหญิงและผู้พูดอายุมาก มีความใกล้ชิดชุมชนมากกว่าผู้พูดเพศชาย และผู้พูดอายุน้อย ส่งผลให้ผู้พูดเพศหญิงใช้เสียงท้องถิ่น [ħ] มากกว่าผู้พูดเพศชาย และผู้พูดอายุมากใช้เสียงท้องถิ่น [ħ] มากกว่าผู้พูดอายุน้อย แสดงให้เห็นว่าความใกล้ชิดชุมชนเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดรูปแบบการใช้ภาษาของผู้พูด ผู้วิจัยคาดว่าภาษาไทยถิ่นใต้ในชุมชนนี้จะยังไม่สูญหายไป ถึงแม้ผลการวิจัยแสดงว่าการออกเสียงท้องถิ่น [ħ] จะลดน้อยลงตามอายุ แต่โดยรวมแล้วผู้บอกภาษาในตำบลบางรักพัฒนาแห่งนี้ ออกเสียงท้องถิ่นมากกว่าเสียงมาตรฐาน ผู้วิจัยคิดว่าความใกล้ชิดชุมชนที่แน่นแฟ้นจะทำให้ภาษาไทยถิ่นใต้ในชุมชนนี้คงอยู่ต่อไป |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |