การประเมินแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติของสำนักงานที่มีการติดตั้งแผงบังแดดภายนอก
รหัสดีโอไอ
Title การประเมินแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติของสำนักงานที่มีการติดตั้งแผงบังแดดภายนอก
Creator ณัฎฐ์จิรา สมิดาสุตานันท์
Contributor วรภัทร์ อิงคโรจน์ฤทธิ์
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2553
Keyword อาคารสำนักงาน -- แสงสว่าง, แสงธรรมชาติ, การส่องสว่าง, การเห็น, Daylight, Lighting, Vision, Office buildings -- Lighting
Abstract แผงบังแดดภายนอกอาคารเป็นอุปกรณ์ที่สามารถลดพลังงานความร้อนที่ถ่ายเทเข้ามาในอาคาร และลดปริมาณของแสงที่เข้ามาในอาคารได้ จากการศึกษางายวิจัยที่เกี่ยวข้องพบว่า ได้มีการค้นคว้าเกี่ยวกับผลกระทบของแผงบังแดดที่มีผลต่อประสิทธิภาพทางด้านพลังงานของอาคาร แต่ทว่าผลกระทบทางด้านคุณภาพยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก งานวิจัยนี้จึงมีจุดประสงค์หลักเพื่อศึกษาหาลักษณะของแผงบังแดดภายนอกอาคารที่เหมาะสมในอาคารประเภทสำนักงาน ซึ่งจะประเมินจากค่าความน่าจะเป็นของแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติ (Daylight glare probability หรือ DGP) และปริมาณความส่องสว่างที่เกิดขึ้นโดยเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานทางด้านแสงสว่างของ Illuminating Engineering Society of North America (IESNA) งานวิจัยชิ้นนี้ใช้การจำลองค่าความน่าจะเป็นของแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติ และปริมาณความส่องสว่างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งหาค่าความน่าจะเป็นของแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติ โดยใช้โปรแกรม Radiance คู่กับ Evalglare และหาค่าความส่องสว่าง โดยใช้โปรแกรม DIALux 4.8 โดยทดสอบกับห้องทำงานมาตรฐานขนาด 3.65 x 4.60 x 3.00 เมตร ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนการใช้แผงบังแดดรูปแบบต่างๆ จำนวน 9 รูปแบบ จากข้อมูลพบว่าที่ระยะยื่น 1 เมตร การใช้แผงบังแดดแบบทางตั้งผสมทางนอนสามารถลดค่าแสงบาดตาที่เกิดขึ้นได้ในทุกทิศทางได้มากที่สุด และการใช้แผงบังแดดแนวนอนที่มุม Vertical shadow angle (VSA) ที่มีค่าน้อย (ระยะยื่นมาก) ค่าความน่าจะเป็นของแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติที่เกิดขึ้นก็จะมีแนวโน้มน้อยลง โดยมุมที่ VSA ต่ำกว่า 40 องศา จะทำให้ค่าความน่าจะเป็นของแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติ มีค่าน้อยกว่า 0.4 และการเพิ่มจำนวนแผงบังแดดแนวนอนที่มากขึ้นต่อบานหน้าต่างมุม Vertical shadow angle (VSA) ที่ใช้อาจจะมีมุมที่มากขึ้นก็ได้ (ระยะยื่นของแผงบังแดดน้อยลง) นอกจากนี้ยังพบว่า การใช้ระแนงที่ความทึบเพิ่มมากขึ้นทำให้ค่าความน่าจะเป็นของแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติ มีแนวโน้มลดลงในทิศตะวันออก การใช้ระแนงที่ความทึบที่ร้อยละ 25-70 ไม่สามารถทำให้ค่าความน่าจะเป็นของแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติเฉลี่ยทั้งวันต่ำกว่าค่ามาตรฐานได้ ส่วนในทิศตะวันตก การใช้ระแนงที่ความทึบ 75% สามารถทำให้ค่าความน่าจะเป็นของแสงบาดตาจากแสงธรรมชาติมีค่าน้อยกว่า 0.4 โดยในทุกๆ กรณีที่มีการจำลองพบว่าความส่องสว่างเฉลี่ยบนโต๊ะทำงาน และภายในห้องมีค่าตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด งานวิจัยนี้ได้มีการนำเสนอผลงานวิจัยในรูปแบบของตารางสรุป เพื่อให้สถาปนิกและนักออกแบบสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้โดยสะดวก ทั้งนี้ยังแนะแนวทางที่เหมาะสมรวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถนำไปออกแบบแผงบังแดดภายนอกอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ