![]() |
ประสิทธิผลของการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด : การวิเคราะห์อภิมาน |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | ประสิทธิผลของการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด : การวิเคราะห์อภิมาน |
Creator | สุกัญญา โระอีน |
Contributor | ชนกพร จิตปัญญา |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2553 |
Keyword | มะเร็ง -- ผู้ป่วย, มะเร็ง -- การพยาบาล, การวิเคราะห์อภิมาน, เคมีบำบัด |
Abstract | การวิเคราะห์อภิมานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) อธิบายคุณลักษณะของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งวัยผู้ใหญ่ที่ได้รับเคมีบำบัด 2) ศึกษาประสิทธิผลของการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งวัยผู้ใหญ่ที่ได้รับเคมีบำบัด 3) วิเคราะห์คุณลักษณะของงานวิจัยที่มีผลต่อความแปรปรวนของค่าขนาดอิทธิพลของการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งวัยผู้ใหญ่ที่ได้รับเคมีบำบัด โดยศึกษาจากวิทยานิพนธ์ และรายงานการวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ระหว่างปี พ.ศ. 2528-พ.ศ. 2553 จำนวน 30 เรื่อง เครื่องมือที่นำมาใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบประเมินคุณลักษณะงานวิจัย และแบบประเมินคุณภาพงานวิจัย ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ หาความเที่ยงโดยวิธีใช้ผู้ประเมินร่วมกันระหว่างผู้วิจัยและอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และนำข้อมูลไปวิเคราะห์ตามวิธีของ Borenstein et al. (2009) ได้ค่าขนาดอิทธิพลจำนวน 185 ค่า ผลการสังเคราะห์สรุปได้ดังนี้ 1. งานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ในประเทศส่วนใหญ่เป็นวิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต (70.00%) ในสาขาการพยาบาลผู้ใหญ่ (60.00%) ตีพิมพ์เผยแพร่มากที่สุดในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2546 – พ.ศ. 2550 (50.00%) แบบแผนการวิจัยแบบ กึ่งทดลอง (70.00%) คุณภาพโดยรวมของงานวิจัยอยู่ในระดับดีมาก (83.55%) ต่างประเทศรายงานทีนำมาสังเคราะห์เป็นรายงานการวิจัย (100.00%) ในสาขาการแพทย์ (70.00%) ตีพิมพ์เผยแพร่มากที่สุดในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2003 - ค.ศ. 2007 (40.00%) แบบแผนการวิจัยแบบทดลองเกือบทั้งหมด (95.00%) คุณภาพโดยรวมของงานวิจัยอยู่ในระดับดับดี (92.9%) การปฏิบัติการพยาบาลที่นำมาศึกษามากที่สุดคือ Locally applied non-pharmacological method (23.34%) รองลงมาเป็นการปฏิบัติการพยาบาลแบบผสมผสาน (16.67%) 2. ค่าขนาดอิทธิพลของการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันเยื่อบุช่องปากอักเสบ ด้านอื่นๆ ได้แก่ การใช้กลีเซอรีนพญายอให้ค่าขนาดอิทธิพลเฉลี่ย (d = 2.50) รองลงมา คือ การปฏิบัติการพยาบาลด้านสารต้านอนุมูลอิสระ(Anti-oxidant) ได้แก่ การใช้ zinc sulfate ให้ค่าขนาดอิทธิพลเฉลี่ย (d = 2.35) และการปฏิบัติการพยาบาลด้านการดูแลช่องปาก (Oral care) ให้ค่าขนาดอิทธิพลเฉลี่ย (d = 2.09) 3. ตัวแปรในโมเดลที่ 1 คือ คุณลักษณะงานวิจัยด้านเนื้อหาสาระของงานวิจัยร่วมกันพยากรณ์ค่าขนาดอิทธิพลเท่ากับ ร้อยละ 45.00 ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณเท่ากับ 0.671 เมื่อเพิ่มชุดตัวแปรในโมเดลที่ 2 คือ คุณลักษณะงานวิจัยด้านระเบียบวิธีวิจัยตัวแปรทั้งหมดร่วมกันพยากรณ์ค่าขนาดอิทธิพลเพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.50 ตัวแปรระยะเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการทดลอง และระยะเวลาในการปฏิบัติการพยาบาลแต่ละครั้ง มีค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยแตกต่างจากศูนย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อเพิ่มตัวแปรในโมเดลที่ 3 คือ คุณภาพงานวิจัย ตัวแปรทั้งหมดร่วมกันพยากรณ์ค่าขนาดอิทธิพลเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.40 โดยมีเพียงตัวแปรระยะเวลาทั้งหมดในการทดลอง และระยะเวลาในการปฏิบัติการพยาบาลแต่ละครั้งมีค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยแตกต่างจากศูนย์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |