![]() |
เปรียบเทียบการขจัดสารไซโตคายน์ระหว่างวิธีการฟอกเลือดแบบออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่นและวิธีการฟอกเลือดแบบประสิทธภาพสูง ในผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตที่มีภาวะไตวายฉับพลัน |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | เปรียบเทียบการขจัดสารไซโตคายน์ระหว่างวิธีการฟอกเลือดแบบออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่นและวิธีการฟอกเลือดแบบประสิทธภาพสูง ในผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตที่มีภาวะไตวายฉับพลัน |
Creator | วิวัฒน์ จันเจริญฐานะ |
Contributor | ขจร ตีรณธนากุล |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2553 |
Keyword | ไซโตไคน์, การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม, เลือด -- การกรอง, เลือดติดเชื้อ, ไตวายเฉียบพลัน, ไต -- โรค -- การรักษา, Cytokines, Hemodialysis, Blood -- Filtration, Septicemia, Acute renal failure, Kidneys -- Diseases -- Treatment |
Abstract | ที่มา: การขจัดสารไซโตคายน์ที่มีประสิทธิภาพสามารถลดอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดที่มีภาวะไตวายฉับพลัน ซึ่งตามทฤษฎีแล้วการฟอกเลือดด้วยวิธีออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่น ที่อาศัยกระบวนการพาร่วมกับการแพร่น่าจะมีบทบาทในการขจัดสารไซโตคายน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการฟอกเลือดแบบประสิทธิภาพสูง การวิจัยเชิงทดลองนี้ศึกษาเพื่อหาค่าร้อยละของการลดลงของสาร interleukin (IL)-18 และ vascular endothelial growth factor (VEGF) ก่อนและหลังฟอกเลือด และอัตราการขจัดของสารในเลือดระหว่างการฟอกเลือดทั้งสองวิธี วิธีการศึกษา: ผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดที่มีภาวะไตวายฉับพลัน และจำเป็นต้องได้รับการฟอกเลือดจำนวน 28 ราย ได้รับการสุ่มคัดเลือกเข้ารับการฟอกเลือดด้วยวิธีออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่น และวิธีการฟอกเลือดแบบประสิทธิภาพสูงจำนวน 14 รายเท่ากัน ผู้วิจัยเก็บข้อมูลระหว่างการฟอกเลือดเพื่อหาค่าร้อยละของการลดลงของสาร IL-18 และ VEGFก่อนและหลังฟอกเลือด อัตราการขจัดของสารในเลือด และค่าการเปลี่ยนแปลงของระดับความดันโลหิตของทั้งสองกลุ่ม ผลการศึกษา: การฟอกเลือดด้วยวิธีออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่น ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากวิธีการฟอกเลือดแบบประสิทธิภาพสูงในการขจัดสาร IL-18 ทั้งค่าร้อยละของการลดลงของสาร (-8.1±0.5 เทียบกับ 1.9±0.5 ตามลำดับ, p=0.348) อัตราการขจัดของสารในเลือด (20.2±0.5 เทียบกับ 23.8±8.61 ตามลำดับ, p=0.348) และอัตราการขจัดของสารในน้ำที่ได้จากการฟอกเลือด (1.4±0.5 เทียบกับ1.6±0.5, ตามลำดับ, p=0.812) อย่างไรก็ตาม พบว่าการฟอกเลือดด้วยวิธีออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่นมีการขจัดสาร VEGF ได้มากกว่าวิธีการฟอกเลือดแบบประสิทธิภาพสูง ทั้งค่าร้อยละของการลดลงของสาร (52.6±47.6 เทียบกับ11.7±0.1, p=0.000) และอัตราการขจัดของสารในเลือด (138.3±118.2 เทียบกับ 80.4±57.1, p=0.022) เมื่อเปรียบเทียบค่าการเปลี่ยนแปลงของระดับความดันโลหิตระหว่างการฟอกเลือด พบว่าการฟอกเลือดด้วยวิธีออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่นไม่แตกต่างจากวิธีการฟอกเลือดแบบประสิทธิภาพสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าความดันโลหิตซิสโตลิค 90.4±14.1 และ 74.9±20.8 มม.ปรอท ตามลำดับ (p=0.095) และค่าความดันโลหิตไดแอสโตลิค 54.0±14.6 และ 43.0±11.9 มม.ปรอท ตามลำดับ (p=0.101) ทั้งนี้ พบว่าการฟอกเลือดด้วยวิธีออนไลน์ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่นมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 35.7 ในขณะที่วิธีการฟอกเลือดแบบประสิทธิภาพสูงมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 21.4 สรุปผลการศึกษา: การฟอกเลือดแบบออนไลน์ ฮีโมไดอะฟิลเตรชั่น ในผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตที่มีภาวะไตวายฉับพลัน มีการขจัดสาร VEGF ได้มากกว่าการฟอกเลือดแบบประสิทธิภาพสูง ในขณะที่การขจัดสาร IL-18 ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างการฟอกเลือดทั้งสองวิธี |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |