การประดิษฐ์เครื่องมือตรวจวัดด้วยหลักการการดูดกลืนแสงชนิดไม่รุกล้ำร่างกายสำหรับตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงระดับไนตริกออกไซด์หลังจากกระตุ้นด้วยการรัดแขน
รหัสดีโอไอ
Title การประดิษฐ์เครื่องมือตรวจวัดด้วยหลักการการดูดกลืนแสงชนิดไม่รุกล้ำร่างกายสำหรับตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงระดับไนตริกออกไซด์หลังจากกระตุ้นด้วยการรัดแขน
Creator พงษ์ศักดิ์ สาระภักดี
Contributor สุทธิลักษณ์ ปทุมราช, มานะ ศรียุทธศักดิ์
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2553
Keyword อุปกรณ์ตรวจจับ, การดูดกลืนแสง, ไนตริกออกไซด์, Detectors, Light absorption, Nitric oxide
Abstract วิทยานิพนธ์นี้รายงานการประดิษฐ์เครื่องตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงไนตริกออกไซด์ด้วยหลักการทางแสงชนิดไม่รุกล้ำร่างกาย ตัวเครื่องประกอบด้วยหลอดไดโอดเปล่งแสงที่มีความยาวคลื่น 525 นาโมเมตร โฟโตไดโอดที่สามารถตอบสนองต่อแสงที่มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 400-1100 นาโนเมตร และวงจรวัดและประมวลสัญญานที่ส่งข้อมูลไปแสดงผลยังคอมพิวเตอร์ จากการนำเครื่องมือที่ประดิษฐ์ขึ้นไปตรวจวัดสารละลายมาตรฐานอนุพันธ์ของไนตริกออกไซด์ที่มีความเข้มข้นในช่วง 0.125-1.000 มิลลิโมลาร์ โดยเปรียบเทียบกับเครื่องสเปกโตรโฟโตมิเตอร์โดยการวัดแบบส่องผ่าน พบว่าการวัดทั้งสองวิธีมีความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงที่มีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจ(R2)เท่ากับ 0.9753 จากนั้นได้ทำการทดสอบการวัดที่ปลายนิ้วมือแบบสะท้อนเพื่อตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงระดับไนตริกออกไซด์ในกระแสเลือด โดยการกระตุ้นการสร้างไนตริกออกไซด์ด้วยการรัดที่ต้นแขน ในอาสาสมัครที่ผ่านเกณฑ์คัดเข้าทำวิจัย จำนวน 25 คน พบว่าสามารถตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงระดับไนตริกออกไซด์ในกระแสเลือดหลังจากทำการกระตุ้นได้ค่าการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 31.8±9.3% เมื่อเทียบกับค่าพื้นหลังก่อนการกระตุ้น นอกจากนั้นได้ทำการเปรียบเทียบค่าที่วัดได้จากเครื่องที่ประดิษฐ์ขึ้นกับค่าอัตราการไหลของเลือดที่ทำการตรวจวัดทางผิวหนังในตำแหน่งเดียวกัน ในอาสาสมัครจำนวน 5 คน พบว่าเมื่อค่าการเปลี่ยนแปลงของไนตริกออกไซด์เพิ่มขึ้น ค่าอัตราการไหลผ่านของเลือดจะมีค่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีความสัมพันธ์ที่ค่าสหสัมพันธ์(R)เท่ากับ 0.6994
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ