การจัดการขยะภายในแหล่งท่องเที่ยว: กรณีศึกษาพิพิธภัณฑ์เมืองโบราณ จังหวัด สมุทรปราการ
รหัสดีโอไอ
Title การจัดการขยะภายในแหล่งท่องเที่ยว: กรณีศึกษาพิพิธภัณฑ์เมืองโบราณ จังหวัด สมุทรปราการ
Creator อนุสิษฐ์ บางแสง
Contributor บัณฑิต จุลาสัย
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2553
Keyword เมืองโบราณ -- การกำจัดของเสีย, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว -- การกำจัดของเสีย, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว -- ไทย -- สมุทรปราการ, Ancient Siam -- Waste disposal, Tourism -- Waste disposal, Tourism -- Thailand -- Samut Prakarn
Abstract พิพิธภัณฑ์เมืองโบราณ สมุทรปราการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีพื้นที่ กว่า 600 ไร่ มีปัญหาขยะที่เกิดจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ปัจจุบันใช้วิธีว่าจ้างเอกชนมาเก็บขยะ จึงมีวัตถุประสงค์หาแนวทางจัดการขยะที่เหมาะสม โดยศึกษาลักษณะขยะที่มีอยู่ในปัจจุบัน กระบวนการจัดเก็บ โดยวิธีการสำรวจ และค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง พิพิธภัณฑ์เมืองโบราณ แบ่งพื้นที่ตามลักษณะภูมิภาค เป็น 7 พื้นที่ ได้แก่ หน้าเมืองโบราณ (มีถังขยะ 23 ถัง) ภาคใต้ (มีถังขยะ 26 ถัง) ปลายนา (มีถังขยะ 27 ถัง) ภาคเหนือ (มีถังขยะ 20 ถัง) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มีถังขยะ 29 ถัง) ภาคกลาง (มีถังขยะ 14 ถัง) ตลาดน้ำ (มีถังขยะ 31 ถัง) รวมถังขยะทั้งหมด 170 ถัง เอกชนจะเข้ามาเก็บขยะให้ในทุกๆวัน ช่วงเวลา 07.30-09.00 น. ใช้พาหนะ คือรถกระบะ 1 คัน เป็นการเก็บขยะแบบเทรวมลงในกระบะ และนำออกไปจากพื้นที่ เสียค่าใช้จ่าย 32,000 บาท ต่อเดือน พบว่า ปริมาณขยะรวมมีประมาณ 1,058 กก/วัน พบว่า เศษอาหาร ปริมาณ 308.43 กก. ขวดแก้ว 216.95 กก. ขวดพลาสติก 198.33 กก. กระดาษ 133.57 กก. กระป๋อง 103.61 กก. และ ถุงพลาสติก 97.95 กก. ดังนั้นจากการศึกษา แนวทางจัดการขยะต้องมีถังขยะแบบแยกขยะ 6 ประเภท เพื่อช่วยในการคัดแยกขยะโดยถังขยะจะสัมพันธ์กับประเภทขยะจากแหล่งกำเนิดขยะและใช้เจ้าหน้าที่ภายในจัดเก็บขยะทีละประเภท เพื่อรวมขยะแต่ละประเภทนำไปขาย จะได้รายได้เป็นจำนวนเงิน 3,218.73 บาทต่อเดือน การคัดแยกขยะ สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ถ้ามีการเปลี่ยนวิธีการเก็บขยะ โดยคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และนำไปขายยังมีรายได้เข้าสู่พิพิธภัณฑ์เมืองโบราณ
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ