![]() |
การพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ที่จะเรียนด้วยกิจกรรมตามกลยุทธ์การคิดอภิมานของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 : การวิเคราะห์ตัวแปรพหุนาม |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | การพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ที่จะเรียนด้วยกิจกรรมตามกลยุทธ์การคิดอภิมานของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 : การวิเคราะห์ตัวแปรพหุนาม |
Creator | นุชจรี ศรีเสวก |
Contributor | ดวงกมล ไตรวิจิตรคุณ |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2553 |
Keyword | การเรียนรู้ -- วิจัย, การวิเคราะห์อภิมาน, การวิเคราะห์ตัวแปรพหุ, Learning -- Research, Meta-analysis, Multivariate analysis |
Abstract | การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาความสามารถในการเรียนรู้ที่จะเรียนของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 และ 2) เพื่อศึกษาผลของกิจกรรมตามกลยุทธ์การคิดอภิมานที่มีต่อความสามารถในการเรียนรู้ที่จะเรียนของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร จำนวน 64 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ 1) แผนกิจกรรมตามกลยุทธ์การคิดอภิมาน และ 2) แบบวัดความสามารถในการเรียนรู้ที่จะเรียนด้านพุทธิพิสัยและด้านจิตพิสัย มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.79 และ 0.87 ตามลำดับ วิเคราะห์ผลการวิจัยด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนตัวแปรพหุนาม และสถิติทดสอบที ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ความสามารถในการเรียนรู้ที่จะเรียนด้านพุทธิพิสัยก่อนการทดลองของนักเรียนทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนหลังการทดลอง นักเรียนกลุ่มทดลองอยู่ในระดับสูง ขณะที่นักเรียนกลุ่มควบคุมอยู่ในระดับระดับปานกลาง สำหรับด้านจิตพิสัย ก่อนการทดลอง นักเรียนทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมอยู่ในระดับสูง ส่วนหลังการทดลอง นักเรียนทั้งสองกลุ่มอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกัน 2. นักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดกิจกรรมตามกลยุทธ์การคิดอภิมานมีคะแนนเฉลี่ยของความสามารถในการเรียนรู้ที่จะเรียนทั้งด้านพุทธิพิสัยและด้านจิตพิสัยสูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุมที่ได้รับการจัดกิจกรรมแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 และมีค่าขนาดอิทธิพลเท่ากับ 1.21 และ 1.82 ตามลำดับ 3. นักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับกิจกรรมตามกลยุทธ์เมตาคอกนิชันมีคะแนนเฉลี่ยของความสามารถในการเรียนรู้ที่จะเรียนทั้งด้านพุทธิพิสัยและด้านจิตพิสัยหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีค่าขนาดอิทธิพลเท่ากับ 1.72 และ 1.11 ตามลำดับ |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |