![]() |
หลักเกณฑ์การประเมินเพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะครูและกลยุทธ์การขับเคลื่อนที่พึงประสงค์ : การวิจัยแบบพหุวิธี |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | หลักเกณฑ์การประเมินเพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะครูและกลยุทธ์การขับเคลื่อนที่พึงประสงค์ : การวิจัยแบบพหุวิธี |
Creator | กนิษฐ์ ศรีเคลือบ |
Contributor | สุวิมล ว่องวาณิช |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2553 |
Keyword | ครู -- การประเมิน, การพัฒนาตนเอง, Teachers -- Rating of, Self-culture |
Abstract | การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) วิเคราะห์และเปรียบเทียบหลักเกณฑ์ฯ และกลยุทธ์การขับเคลื่อนแบบเดิมและแบบใหม่ (2) วิเคราะห์และเปรียบเทียบผลของการใช้หลักเกณฑ์ฯ และกลยุทธ์การขับเคลื่อนแบบเดิมและแบบใหม่ ที่เกิดกับครูและนักเรียนจำแนกตามภูมิหลังของครู และ (3) วิเคราะห์หลักเกณฑ์ฯ และกลยุทธ์การขับเคลื่อนที่พึงประสงค์ตามมุมมองของผู้เกี่ยวข้อง การวิจัยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกใช้วิธีวิจัยเชิงบรรยายโดยการวิเคราะห์เอกสาร และการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ฯ ขั้นตอนที่สองใช้วิธีวิจัยเชิงสำรวจเพื่อศึกษาผลของการใช้หลักเกณฑ์ฯ แบบเดิมและแบบใหม่ กลุ่มตัวอย่างคือ ครู คศ. 2 และ คศ. 3 จำนวน 409 คน เป็นครูในกรุงเทพมหานคร เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่พัฒนาขึ้นจากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยมีค่าความเที่ยงทั้งฉบับเท่ากับ 0.9634 และโมเดลการวัดมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และขั้นตอนที่สามใช้วิธีวิจัยเชิงผสม โดยนำข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์กลุ่มที่ศึกษาขั้นตอนที่ 1 ในเรื่องหลักเกณฑ์ฯ พึงประสงค์มาสร้างเป็นแบบสอบถาม จากนั้นเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับขั้นตอนที่ 2 เพื่อตอบคำถามของการวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติบรรยาย และสถิติอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์สถิติที (t-test) วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (one-way ANOVA) การวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณ (MANOVA) การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (exploratory factor analysis) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for Windows และการวิเคราะห์โมเดลการวัดด้วยโปรแกรม LISREL 8.72 ผลการวิจัยมีดังนี้(1) ในภาพรวมหลักเกณฑ์ฯ แบบเดิมและแบบใหม่ มีความแตกต่างกันในเรื่องของการประเมินในส่วนผลการปฏิบัติงานเท่านั้น หลักเกณฑ์แบบใหม่จะเน้นไปที่ผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ส่วนหลักเกณฑ์การประเมินแบบเดิมจะเน้นไปที่เอกสารหรือรายงาน ที่ผู้ขอรับการประเมินทำการส่งเข้ามา สำหรับกลยุทธ์การขับเคลื่อนหลักเกณฑ์ฯ แบบเดิมและแบบใหม่ไปสู่ครูพบว่า มีความแตกต่างกันในหน่วยงานระดับนโยบาย (ก.ค.ศ.) คือการขับเคลื่อนหลักเกณฑ์แบบเดิมใช้การชี้แจงกับเขตพื้นที่การศึกษาพร้อมกันทั่วประเทศ แต่หลักเกณฑ์การประเมินแบบใหม่ ใช้การชี้แจงกับโดยแยกชี้แจงกับเขตพื้นที่การศึกษาตามภูมิภาค 4 ภูมิภาค (2) ผลของการใช้หลักเกณฑ์ฯ พบว่า ครูมีการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาระของหลักเกณฑ์และความยากในการนำหลักเกณฑ์ไปปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง การรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาระของหลักเกณฑ์ฯ แบบเดิมสูงกว่าแบบใหม่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และไม่แตกต่างเมื่อจำแนกตามภูมิหลัง ความยากในการนำหลักเกณฑ์แบบเดิมไปปฏิบัติมีค่าแตกต่างกันตามขนาดของโรงเรียน ครูทั้งสองวิทยฐานะมีพฤติกรรมการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมากในทุกด้าน และไม่แตกต่างเมื่อจำแนกตามภูมิหลัง ครูทั้งสองวิทยฐานะมีคุณภาพการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก ครู คศ. 3 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าครู คศ. 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนของครูทั้งสองวิทยฐานะอยู่ในระดับมาก และไม่มีความแตกต่างเมื่อจำแนกตามภูมิหลัง (3) หลักเกณฑ์ฯ และกลยุทธ์การขับเคลื่อนที่พึงประสงค์ควรจะเน้นหลักเกณฑ์ฯ ที่ครูสามารถทำผลงานไปพร้อมกับการปฏิบัติงานประจำวัน ควรจัดให้มีหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ครู ทำการประเมินในสภาพจริง และเน้นการประเมินที่กระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูมากกว่าการทำผลงานทางวิชาการ |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |