การผลิตน้ำตาลจากฐานดอกและต้นทานตะวันโดยการไฮโดรไลซ์ด้วยกรดและการฉายรังสีแกมมาร่วมกับกรด
รหัสดีโอไอ
Title การผลิตน้ำตาลจากฐานดอกและต้นทานตะวันโดยการไฮโดรไลซ์ด้วยกรดและการฉายรังสีแกมมาร่วมกับกรด
Creator วัฒนา พุ่มมะลิ
Contributor ศิริวัฒนา บัญชรเทวกุล
Publisher จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Publication Year 2553
Keyword ทานตะวัน, น้ำตาล, การแยกสลายด้วยน้ำ, รังสีแกมมา
Abstract การผลิตน้ำตาลจากฐานดอกและลำต้นทานตะวัน โดยการไฮโดรไลซ์ด้วยกรดซัลฟิวริกเจือจาง (ความเข้มข้นไม่เกิน 15%) พบว่า สภาวะที่ดีที่สุดในการไฮโดรไลซ์ครั้งแรกสำหรับฐานดอกและลำต้นทานตะวันคือ กรดซัลฟิวริก 5% อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส ความดัน 15 psi เวลา 15 นาที และสภาวะที่ดีที่สุดของการไฮโดรไลซ์กากที่เหลือ คือ กรดซัลฟิวริก 15% ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส ความดัน 15 psi เวลา 20 นาที สำหรับฐานดอกทานตะวันควรทำการไฮโดรไลซ์ต่อเนื่องสองครั้ง (ไฮโดรไลซ์ฐานดอกทานตะวันครั้งแรก แล้วไฮโดรไลซ์กากที่เหลือซ้ำอีกหนึ่งครั้ง) สำหรับลำต้นทานตะวันควรทำการไฮโดรไลซ์ต่อเนื่องสี่ครั้ง (ไฮโดรไลซ์ต้นทานตะวันครั้งแรก จากนั้นไฮโดรไลว์กากที่เหลือซ้ำอีกสามครั้ง) การไฮโดรไลซ์ฐานดอกทานตะวันได้ปริมาณน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวทั้งหมด 25.83% ต่อน้ำหนักแห้ง คิดเป็น 58.44% ของปริมาณน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวทั้งหมดที่มีในฐานดอก หรือคิดเป็น 134.11% ของปริมาณเส้นใยเซลลูโลสและเฮมิเซลลูโลส ส่วนการไฮโดรไลซ์ต้นทานตะวันได้ปริมาณน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวทั้งหมด 37.63% ต่อน้ำหนักแห้ง คิดเป็น 64.26% ของปริมาณน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวทั้งหมดที่มีในลำต้น หรือคิดเป็น 70.00% ของปริมาณเส้นใยเซลลูโลสและเฮมิเซลลูโลส ส่วนการฉายรังสีวัสดุทั้งสองในช่วงปริมาณรังสี 100-700 kGy ก่อนทำการไฮโดรไลซ์ต่อด้วยกรดซัลฟิวริกเจือจาง พบว่า ได้ปริมาณน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวเพิ่มขึ้น 19.54% ในกรณีลำต้นทานตะวัน แต่ได้ปริมาณน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวน้อยลง 3.35% ในกรณีฐานดอกทานตะวัน และการแยกน้ำตาลออกจากสารละลาย (ที่ไฮโดรไลซ์ด้วยกรด) ด้วยวิธี Ion exclusion ที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เพื่อนำกรดกลับมาใช้ใหม่ได้ %Recovery ของน้ำตาลเท่ากับ 93.10% ในกรณีฐานดอกทานตะวัน และ 97.10% ในกรณีของลำต้นทานตะวัน ตามลำดับ
URL Website cuir.car.chula.ac.th
Chulalongkorn University

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File #1
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ