![]() |
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นการสะสมรูปแบบของจังหวะด้วยสื่อการสอนแบบปฏิสัมพันธ์ เพื่อฝึกการอ่านโน้ตแบบฉับพลันสำหรับนักเรียนกีตาร์ในระดับชั้นต้น |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Title | การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นการสะสมรูปแบบของจังหวะด้วยสื่อการสอนแบบปฏิสัมพันธ์ เพื่อฝึกการอ่านโน้ตแบบฉับพลันสำหรับนักเรียนกีตาร์ในระดับชั้นต้น |
Creator | อนุชา พัฒนรัตนโมฬี |
Contributor | ดนีญา อุทัยสุข |
Publisher | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Publication Year | 2553 |
Keyword | ดนตรี -- การศึกษาและการสอน, กีตาร์ -- การศึกษาและการสอน, โน้ตเพลง, สื่อการสอน, การสอนด้วยสื่อ, Music -- Study and teaching, Guitar -- Study and teaching, Musical notation, Teaching -- Aids and devices |
Abstract | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแผนการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นการสะสมรูปแบบของจังหวะด้วยสื่อการสอนแบบปฏิสัมพันธ์ เพื่อฝึกการอ่านโน้ตแบบฉับพลันสำหรับนักเรียนกีตาร์ในระดับชั้นต้น 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางด้านทักษะการอ่านโน้ตแบบฉับพลัน และพัฒนาการการอ่านโน้ตแบบฉับพลัน ระหว่างนักเรียนกีตาร์ในระดับชั้นต้นที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเน้นการสะสมรูปแบบของจังหวะด้วยสื่อการสอนแบบปฏิสัมพันธ์ และนักเรียนกีตาร์ในระดับชั้นต้นที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเน้นการสะสมรูปแบบของจังหวะแต่ไม่ใช้สื่อการสอนแบบปฏิสัมพันธ์ 3) เปรียบเทียบพฤติกรรมการเรียนรู้ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมโดยแบ่งเป็น 3 หัวข้อดังนี้ 1) ด้านปัญญา 2) ด้านอารมณ์ความรู้สึก 3) ด้านความรับผิดชอบ วิธีดำเนินการวิจัยเป็นแบบกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือนักเรียนกีตาร์ในระดับชั้นต้นที่มีอายุ 12-15 ปีแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 5 คน และกลุ่มควบคุม 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ชนิด ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบทักษะการอ่านโน้ตแบบฉับพลัน 3) แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลองโดย t-test และสถิติเชิงพรรณนา ผลการวิจัยมีดังต่อไปนี้ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นการสะสมรูปแบบของจังหวะด้วยสื่อแบบปฏิสัมพันธ์ประกอบด้วย 6 หัวข้อ และกิจกรรมการเรียนรู้ 3 ขั้นตอน 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในภาพรวมหลังการทดลองและพัฒนาการการอ่านโน้ตแบบฉับพลันของของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมดีขึ้น ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านปัญญาอยู่ในระดับสูง (M = 2.86, M = 2.59) กลุ่มทดลองมีพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านอารมณ์ความรู้สึกและด้านความรับผิดชอบอยู่ในระดับสูง (M = 2.66, M = 2.84) กลุ่มควบคุมมีพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านอารมร์ความรู้สึกและด้านความรับผิดชอบอยู่ในระดับปานกลาง (M = 1.93, M = 1.92) |
URL Website | cuir.car.chula.ac.th |