![]() |
ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของระบบปลูกพืชแทนยางพาราภายใต้โครงการควบคุมปริมาณการผลิตในจังหวัดกาฬสินธุ์ |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | อรุณี พรมคำบุตร |
Title | ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของระบบปลูกพืชแทนยางพาราภายใต้โครงการควบคุมปริมาณการผลิตในจังหวัดกาฬสินธุ์ |
Contributor | วลัยพรรณ ปรีประดิษฐ์ |
Publisher | สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา |
Publication Year | 2568 |
Journal Title | วารสารชุมชนวิจัยและพัฒนาสังคม |
Journal Vol. | 19 |
Journal No. | 1 |
Page no. | 87-106 |
Keyword | การปลูกแทนยางพารา, การเข้าถึงความรู้, อัตราผลประโยชน์ต่อต้นทุน, ดัชนีความหลากหลายพืช |
URL Website | https://so04.tci-thaijo.org/index.php/NRRU/issue/view/18146 |
Website title | https://so04.tci-thaijo.org/index.php/NRRU/ |
ISSN | 3027-7515 |
Abstract | ที่มา(ภูมิหลัง): ผลจากราคายางพาราในประเทศไทยลดลง ทำให้รัฐบาลจึงควบคุมการผลิตในปี พ.ศ. 2558 ถึงปี พ.ศ. 2565 ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงทำการศึกษาสภาพสังคมเศรษฐกิจ เปรียบเทียบผลผลิต การตลาด และผลตอบแทน และระบุปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกพืชแทนยางพาราในจังหวัดกาฬสินธุ์ วิธีการ: การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการระหว่าง 1-3 ปี กำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบโควตา จำนวน 14 ราย ใช้แบบสัมภาษณ์ชนิดมีโครงสร้างที่กำหนดคำถามเรียงลำดับเนื้อหาสำหรับเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการลงพื้นที่ทำการสัมภาษณ์ ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์แก่นสาระ และวิเคราะห์โดยใช้ตารางไขว้ นำเสนอข้อมูลด้วยค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย ผลลัพธ์: ระบบปลูกพืชทดแทนยางพาราที่ยังคงปลูกแทนด้วยยางพาราเหมือนเดิม แต่ปลูกพืชแซมในระหว่างรอผลผลิตจากยางพารา พบว่าเกษตรกรที่ปลูกยางพาราแซมด้วยมันสำปะหลังสามารถทำรายได้เฉลี่ย และกำไรสุทธิสูงสุด คือ 3,983 และ 2,752 บาทต่อไร่ต่อปี ตามลำดับ และมีค่าอัตราผลประโยชน์ต่อต้นทุนสูงที่สุดคือ 3.23 นอกจากนี้ ยังเข้าถึงความรู้จากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) อย่างต่อเนื่อง ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกแทนโดยเปลี่ยนพืชชนิดใหม่ทดแทนยางพารา พบว่า การปลูกไม้ผลแซมด้วยมันสำปะหลังมีรายได้ และกำไรสูงสุด คือ 9,391 และ 5,759 บาทต่อไร่ต่อปี ตามลำดับ และมีค่าอัตราผลประโยชน์ต่อต้นทุน 2.61 อย่างไรก็ตาม การปลูกแทนนี้มีเงินลงทุนเริ่มต้นสูงที่สุด และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลพืชสูงสุดคือ 10,882 และ 3,602 บาทต่อไร่ต่อปี ตามลำดับ การปลูกแทนยางพาราที่มีค่าดัชนีความหลากหลายพืช ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้ความมั่นคงของระบบนิเวศสูงสุด คือ การทำเกษตรผสมผสานที่มีไม้ยืนต้นเป็นพืชหลัก (1.68) รองลงมาคือ การปลูกยางพาราแซมด้วยมันสำปะหลัง (0.49) เกษตรกรที่เปลี่ยนพืชชนิดทดแทนยางพาราประสบปัญหาการไม่ได้รับความรู้ในการจัดการแปลงจากการยางแห่งประเทศไทย ความล่าช้าในการจ่ายเงินทดแทน และปัญหาทางด้านการตลาด บทสรุป: การปลูกแทนแบบยางพาราแซมด้วยมันสำปะหลังเป็นรูปแบบที่ดีที่สุด เนื่องจากผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงสุด ขณะที่ผลตอบแทนทางสังคม คือ การเข้าถึงความรู้และผลตอบแทนทางสิ่งแวดล้อมมีค่าดัชนีความหลากหลายพืชปานกลาง จึงควรมีการเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยงานเกี่ยวข้องที่สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการด้านการผลิต และการตลาดในทุกระบบการส่งเสริมเกษตรกร |