![]() |
ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการทำงานที่บ้านของพนักงานในจังหวัดนครปฐมในช่วงวิกฤตโควิด-19 |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | จุรีวรรณ จันพลา |
Title | ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการทำงานที่บ้านของพนักงานในจังหวัดนครปฐมในช่วงวิกฤตโควิด-19 |
Contributor | หทัยกานต์ กุลวชิราวรรณ์ |
Publisher | งานวารสาร มหาวิทยาลัยนครพนม |
Publication Year | 2565 |
Journal Title | วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม |
Journal Vol. | 12 |
Journal No. | 3 |
Page no. | 44-61 |
Keyword | ประสิทธิผลของการทำงานที่บ้าน, ทัศนคติต่อการทำงานที่บ้าน, ลักษณะนิสัย 7 ประการ, ความสามารถในการปรับตัวในการทำงาน, การจัดการเปลี่ยนแปลง, เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานที่บ้าน |
URL Website | https://so03.tci-thaijo.org/index.php/npuj |
Website title | เว็บไซต์ระบบฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์กลางของประเทศไทย |
ISSN | 2651-2467 |
Abstract | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยลักษณะนิสัย 7 ประการ ความสามารถในการปรับตัวในการทำงาน ทัศนคติต่อการทำงานที่บ้าน การจัดการเปลี่ยนแปลง คุณลักษณะของงาน เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานที่บ้าน และประสิทธิผลของการทำงานที่บ้าน ศึกษารูปแบบ ข้อดีและข้อเสีย ความต้องการการสนับสนุนของพนักงาน ปัญหาอุปสรรค และความต้องการทำงานที่บ้านในอนาคต เปรียบเทียบประสิทธิผลของการทำงานที่บ้านจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการทำงานที่บ้าน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ พนักงานในจังหวัดนครปฐม จำนวน 413 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบลำดับขั้น ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยลักษณะนิสัย 7 ประการ ความสามารถในการปรับตัวในการทำงาน ทัศนคติต่อการทำงานที่บ้าน การจัดการเปลี่ยนแปลง คุณลักษณะของงาน เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานที่บ้าน และประสิทธิผลของการทำงานที่บ้านโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) รูปแบบการทำงานที่บ้านในปัจจุบัน เป็นแบบผสมผสานระหว่างการทำงานที่บ้านและที่ทำงาน ข้อดีของการทำงานที่บ้าน คือ ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดหรือการติดโรคระบาดโควิด-19 ข้อเสียของการทำงานที่บ้าน คือ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์การทำงาน พนักงานต้องการการสนับสนุนในด้านค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต ปัญหาอุปสรรคที่สำคัญในการทำงานที่บ้าน คือ ความพร้อมของเครือข่ายหรือสัญญาณการเชื่อมต่อต่างๆ ที่ต้องใช้ในการทำงาน และรูปแบบการทำงานที่ต้องการเมื่อสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย คือ การทำงานที่บ้านและที่ทำงานผสมผสานกันไป 3) กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ สถานภาพสมรส รายได้ต่อเดือน และระดับการศึกษาสูงสุดที่แตกต่างกันมีประสิทธิผลของการทำงานที่บ้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 4) ปัจจัยทัศนคติต่อการทำงานที่บ้าน ลักษณะนิสัยด้านประสานพลังทำงานเป็นทีม ความสามารถในการปรับตัวในการทำงาน ลักษณะนิสัยด้านมีเป้าหมายชัดเจน การจัดการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงานที่บ้าน และลักษณะนิสัยด้านทำตามลำดับความสำคัญ เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของการทำงานที่บ้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยตัวแปรอิสระทั้ง 7 ตัวแปร สามารถร่วมกันพยากรณ์ประสิทธิผลของการทำงานที่บ้านได้ร้อยละ 75.00 (R2 = 0.750) |