![]() |
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการแก้ปัญหาของนักศึกษาระดับปริญญาตรีจากการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐาน |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | วาสนา กีรติจำเริญ |
Title | การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการแก้ปัญหาของนักศึกษาระดับปริญญาตรีจากการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐาน |
Publisher | สถาบันภาษาและกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย |
Publication Year | 2568 |
Journal Title | มังรายสาร วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ |
Journal Vol. | 13 |
Journal No. | 1 |
Page no. | 68-82 |
Keyword | การจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน, การจัดการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐาน, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, ทักษะการแก้ปัญหา |
URL Website | https://so04.tci-thaijo.org/index.php/mrsj/index |
Website title | มังรายสาร วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ |
ISSN | 2673-0170 (Online) |
Abstract | ในบริบทของการศึกษาในระดับอุดมศึกษา การเลือกใช้นวัตกรรมการเรียนรู้นับเป็นปัจจัยสำคัญต่อการส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักศึกษา การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการแก้ปัญหาก่อนเรียนและหลังเรียนของนักศึกษาจากการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานและแบบปรากฏการณ์เป็นฐาน 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนของนักศึกษาจากการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานและแบบปรากฏการณ์เป็นฐานกับ เกณฑ์ร้อยละ 70 และ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการแก้ปัญหาหลังเรียนของนักศึกษาระหว่างการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานและแบบปรากฏการณ์เป็นฐาน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 จำนวน 57 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน มีค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.56 แผนการจัดการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐาน มีค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.51 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ค่าความเชื่อมั่น KR-20 = 0.89) และแบบวัดทักษะการแก้ปัญหา (ค่าความเชื่อมั่น KR-20 = 0.94) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และการทดสอบค่าทีผลการวิจัยพบว่า 1) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและคะแนนทักษะการแก้ปัญหาของนักศึกษาหลังการเรียนมีค่ามากกว่าก่อนเรียน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานและแบบปรากฏการณ์เป็นฐานสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 3) ไม่พบความแตกต่างที่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการแก้ปัญหาหลังเรียนที่ใช้การจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐานและแบบปรากฏการณ์เป็นฐาน |