![]() |
การบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมพฤติกรรมผู้เรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติด ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | ศิริวรรณ ม่วงไหมทอง |
Title | การบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมพฤติกรรมผู้เรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติด ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 |
Contributor | พิภพ วชังเงิน |
Publisher | ชมรมวิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ |
Publication Year | 2568 |
Journal Title | วารสารวิชาการ การจัดการภาครัฐและเอกชน |
Journal Vol. | 7 |
Journal No. | 2 |
Page no. | 468-481 |
Keyword | การบริหารสถานศึกษา, พฤติกรรมผู้เรียน, การห่างไกลจากยาเสพติด |
URL Website | https://so02.tci-thaijo.org/index.php/appm |
ISSN | 2774-1036 |
Abstract | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)ศึกษาระดับการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมพฤติกรรมผู้เรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติดและ 2)ศึกษาการบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมพฤติกรรมผู้เรียนให้ห่างไกลจาก ยาเสพติด จำแนกตามเพศ ประสบการณ์ในการทำงาน และขนาดของสถานศึกษา รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แนวคิดของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นกรอบการวิจัย พื้นที่วิจัย คือสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 กลุ่มตัวอย่างคือครู จำนวน 289 คน คิดเป็นร้อยละ 98.30 ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 1 ชนิด คือแบบสอบถาม มีค่าความตรงเชิงเนื้อหาระหว่าง 0.67 – 1.00 มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า ที แบบอิสระ ผลการวิจัยพบว่า 1. การบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมพฤติกรรมผู้เรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติด พบว่า อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยมีค่าเฉลี่ยเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยสูงไปหาต่ำได้ดังนี้ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รองลงมาได้แก่ การเฝ้าระวัง การบริหารจัดการ การให้คำปรึกษา และการบำบัดรักษา ตามลำดับ 2. การบริหารสถานศึกษาที่ส่งเสริมพฤติกรรมผู้เรียนให้ห่างไกลจากยาเสพติด จำแนกตามเพศ และประสบการณ์ในการทำงานไม่มีความแตกต่างในภาพรวมแต่มีความแตกต่างในรายด้าน เมื่อจำแนกตามขนาดของสถานศึกษา พบว่ามีความแตกต่างในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จำนวน 4 ด้าน |