ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มารับบริการหน่วยบริการปฐมภูมิโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยางเรียง ตำบลคลองแม่ลาย อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร
รหัสดีโอไอ
Creator นเรศ ขำเจริญ
Title ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มารับบริการหน่วยบริการปฐมภูมิโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยางเรียง ตำบลคลองแม่ลาย อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร
Contributor สุดารัตน์ สุดเขียว, อภิญญา ผันอักษร, วชากร นพนรินทร์
Publisher สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
Publication Year 2568
Journal Title วารสารสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
Journal Vol. 10
Journal No. 1
Page no. 233-250
Keyword ความรู้, ทัศนคติ, พฤติกรรมการดูแลตนเอง, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
URL Website https://he01.tci-thaijo.org/index.php/iudcJ
Website title วารสารสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
ISSN ISSN 2985 - 1858 (print) ISSN 2985 - 1866 (online)
Abstract การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา เก็บข้อมูลแบบภาคตัดขวาง เพื่อวัดระดับความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มารับบริการหน่วยบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยางเรียง ตำบลคลองแม่ลาย อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล ระหว่าง 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567 โดยใช้แบบสอบถามความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค เท่ากับ 0.76 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 86.7 อยู่ในช่วงอายุ 70 ปีขึ้นไป ร้อยละ 36.7 โดยมีอายุเฉลี่ย 63.9 ปี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 13.2 อายุน้อยสุด 39 ปี และอายุมากสุด 88 ปี ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส ร้อยละ 80.0จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 90.0 ไม่ได้ประกอบอาชีพ ร้อยละ 33.3 มีอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 33.3 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5,000 บาท ร้อยละ 33.3 ดัชนีมวลกาย BMI (kg/m2) 25.0-29.9 (อ้วนระดับ 1) ร้อยละ 40.0 ระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวานเฉลี่ย 9.4 ปี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7.6 ระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวานน้อยสุด 1 ปี และระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวานมากสุด 30 ปี ระดับน้ำตาลในเลือด (HbA1c) ส่วนใหญ่มีค่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ระดับน้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 7.0 (ควบคุมดี) ร้อยละ 56.7 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานมากที่สุด คือ การกินอาหาร การควบคุมอาหาร แนวทางที่ควรปฏิบัติตัวในการรักษาและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คิดเป็นร้อยละ 100.0 มีทัศนคติเกี่ยวกับโรคเบาหวานมากที่สุด คือ หากควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ตามเป้าหมาย จะช่วยชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง การออกกำลังกายทำให้ควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น การมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการของโรคเป็นสิ่งจำเป็น ร้อยละ 96.7 และมีพฤติกรรมเกี่ยวกับโรคเบาหวานด้านการบริโภคอาหาร ด้านการออกกำลังกาย ด้านการใช้ยา ด้านพฤติกรรมป้องกันภาวะแทรกซ้อนมากที่สุด ร้อยละ 100.0 ส่งผลให้สามารถชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อน ลดภาระทางสุขภาพ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้ การสนับสนุนจากครอบครัว ชุมชน และระบบบริการสุขภาพก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานอย่างยั่งยืน
สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ