![]() |
24 ปี ของประเทศไทยในการเป็นภาคีอนุสัญญาแรมซาร์: กลไกการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | ภิรนา พุทธรัตน์ |
Title | 24 ปี ของประเทศไทยในการเป็นภาคีอนุสัญญาแรมซาร์: กลไกการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ |
Publisher | สาขารัฐประศาสนศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ |
Publication Year | 2566 |
Journal Title | วารสารการบริหารปกครอง |
Journal Vol. | 12 |
Journal No. | 1 |
Page no. | 95-116 |
Keyword | อนุสัญญาแรมซาร์, แรมซาร์ไซต์, พื้นที่ชุ่มน้ำ |
URL Website | https://so01.tci-thaijo.org/index.php/gjournal-ksu |
Website title | วารสารการบริหารปกครอง มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ |
ISSN | ISSN 2697-4029 (Print);ISSN 2773-9791 (Online) |
Abstract | นับเป็นเวลากว่า 24 ปีแล้วที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือแรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว เป็นจำนวน 15 แห่ง แต่ทว่าในทางปฏิบัติการคุ้มครองแรมซาร์ไซต์ของประเทศไทยยังคงเกิดปัญหาเรื่อยมา เพราะปัจจัยภายในที่ซ่อนอยู่ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน จากการศึกษาพบว่าประเทศไทยมีนโยบายระดับชาติที่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อรองรับการดำเนิน งาน และมีกฎหมายภายในหลายฉบับที่สอดคล้องกับอนุสัญญาแรมซาร์ อย่างไรก็ดีประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องการกำหนดขอบเขตพื้นที่ชุ่มน้ำบางแห่งไม่ชัดเจน รวมทั้งปัญหาการดำเนินกิจกรรมนอกขอบเขตพื้นที่ชุ่มน้ำที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุ่มน้ำ ผู้วิจัยจึงเสนอให้มีการออกกฎหมายในการสร้างแนวพื้นที่กันชนพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetlands Buffer Zone) อย่างเป็นระบบ และในกรณีที่แรมซาร์ไซต์แห่งใดมีเขตพื้นที่ทับซ้อนกับเขตอนุรักษ์ประเภทต่าง ๆ การออกกฎหมายท้องถิ่นไม่ควรบัญญัติซ้ำกับข้อห้ามที่มีอยู่แล้วเพื่อป้องกันความสับสนในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ในการวางแผนบริหารจัดการของแรมซาร์ไซต์ในแต่ละแห่งควรประกอบไปด้วยหลัก 4 ประการ คือ 1) การพัฒนาอย่างยั่งยืน 2) การอนุรักษ์ 3) การใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด และ 4) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารซึ่งควรต้องมีในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน |