![]() |
กรณีศึกษารูปแบบการลดการตีตราทางสังคมกับผู้ป่วยโควิด 19 ในชุมชน |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | เอกพงษ์ ตั้งกิตติเกษม |
Title | กรณีศึกษารูปแบบการลดการตีตราทางสังคมกับผู้ป่วยโควิด 19 ในชุมชน |
Contributor | กรภัทร อาจวานิชชากุล, สุภาพร ปานิเสน |
Publisher | กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค |
Publication Year | 2565 |
Journal Title | วารสารควบคุมโรค |
Journal Vol. | 48 |
Journal No. | 4 |
Page no. | 758-771 |
Keyword | โควิด 19, การตีตราทางสังคม, การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทางสังคม, การวิจัยและพัฒนา |
URL Website | https://www.tci-thaijo.org/index.php/DCJ |
Website title | เว็บไซต์วารสารควบคุมโรค |
ISSN | 2651-1649 |
Abstract | การวิจัยและพัฒนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการลดการตีตราทางสังคมกับผู้ป่วยโควิด 19 ในชุมชน (กรณีศึกษา) ซึ่งมีกระบวนการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ 1) การศึกษาสภาพปัญหาการตีตราทางสังคม 2) การพัฒนารูปแบบฯ 3) การนำรูปแบบฯ ไปใช้ 4) ผลของการใช้รูปแบบฯ เก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 16 คน ที่ได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) กับผู้ป่วยโควิด 19 ที่รักษาหายแล้ว เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึก การประเมินความเครียด แบบสอบถามความเข้มแข็งทางใจและการตีตราทางสังคม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ Paired t-test วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหาของข้อมูล (Content analysis) เพื่อสรุปประเด็น ผลการวิจัย พบว่า 1) รูปแบบฯ มีกลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การจัดกิจกรรมเชิงรุกที่หลากหลายในการสร้างความรู้ เสริมความเข้าใจเกี่ยวกับโรคโควิด 19 การปรับแนวคิด ลดอคติในการมีปฏิสัมพันธ์กับการอยู่ร่วมกันกับผู้ที่เคยป่วย การให้ความรู้ผ่านหอกระจายข่าวภายในหมู่บ้าน และการใช้รถโมบาย (คล้ายคลึงกับการหาเสียงของนักการเมืองท้องถิ่น) ประกอบกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเคาะประตูบ้านทุกหลังคาเรือน และการติดป้ายประชาสัมพันธ์หน้าหมู่บ้านเพื่อแสดงความรัก ความห่วงใยกัน มีการจัดตั้งศูนย์ปันสุขขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อใช้เป็นศูนย์ประสานงานให้การช่วยเหลือและให้คำปรึกษา รวมทั้งการทำกิจกรรมเชิงรุกโดยการลงเยี่ยมบ้านรายบุคคลหลังออกจากโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง 2) ภายหลังการใช้รูปแบบฯ จะเห็นว่า กลุ่มตัวอย่างมีความเข้มแข็งทางใจสูงขึ้น มีความเครียดและการตีตราทางสังคมลดลง เมื่อเปรียบเทียบค่าคะแนนเฉลี่ย พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ดังนั้นรูปแบบดังกล่าว สามารถช่วยลดการตีตราทางสังคมได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในชุมชน อันเป็นการช่วยคืนความสุขในการอยู่ร่วมกันตามปกติได้เร็วยิ่งขึ้น |