![]() |
การวิเคราะห์ผลเชิงสถิติของปัจจัยที่ส่งผลต่อการคัดแยกขยะติดเชื้อ กรณีศึกษา : พื้นที่เขตเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | กัญญา วารินทร์ |
Title | การวิเคราะห์ผลเชิงสถิติของปัจจัยที่ส่งผลต่อการคัดแยกขยะติดเชื้อ กรณีศึกษา : พื้นที่เขตเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น |
Contributor | ดารารัตน์ คำเชียงตา |
Publisher | คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ |
Publication Year | 2568 |
Journal Title | วารสาร สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย (Built Environment Inquiry – BEI) |
Journal Vol. | 24 |
Journal No. | 2 |
Page no. | 82-102 |
Keyword | ขยะติดเชื้อ, การคัดแยกขยะ, การจัดการขยะ, ปัจจัยในการคัดแยกขยะ, โรคระบาด |
URL Website | https://www.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku |
Website title | Built Environment Inquiry Journal Faculty of Architecture Khon Kaen University, Thailand |
ISSN | 2651-1185 |
Abstract | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการคัดแยกขยะติดเชื้อของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เทศบาล นครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยมีการเก็บข้อมูลโดยการเก็บแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ และการสังเกตการณ์ ซึ่งพื้นที่ศึกษาแบ่งออกออกเป็น 4 เขตการปกครอง ได้แก่ เขตที่ 1 บึงทุ่งสร้าง เขตที่ 2 ศรีจันทร์ เขตที่ 3 เมืองเก่า และเขตที่ 4 หนองแวง การศึกษานี้ได้ทำการเก็บข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถามและทำการสุ่มตัวอย่างจากจำนวนประชากรในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ทั้ง 4 เขต จำนวน 400 ตัวอย่าง แล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการคัดแยกขยะติดเชื้อ โดยใชสถิติทดสอบไคกำลังสอง (Chi-square test) และเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยต่าง ๆ (ปัจจัยทางด้านความรู้ ปัจจัยทางด้านทัศนคติ ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริม) ระหว่างประชากรที่มีการคัดแยกและไม่คัดแยกขยะติดเชื้อ ด้วยสถิติทดสอบที (t-test) ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านระดับการศึกษาเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการคัดแยกขยะติดเชื้อ ที่ระดับนัยยสำคัญ 0.05 โดยผู้ที่มีการศึกษาในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีมีการคัดแยกขยะติดเชื้อที่มากกว่าระดับอื่น นอกจากนี้ ปัจจัยทางด้านที่อยู่อาศัยตามเขตการปกครอง 4 เขต ก็มีความสัมพันธ์กับการคัดแยกขยะติดเชื้อ โดยพบว่า เขตที่ 1 บึงทุ่งสร้าง มีการคัดแยกขยะมากกว่าเขตอื่น ๆ เนื่องจากชุมชนในพื้นที่บึงทุ่งสร้าง บางชุมชน เป็นชุมชนต้นแบบในการคัดแยกขยะอยู่แล้ว นอกจากนี้ผลการศึกษาความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยของปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ปัจจัยนำด้านทัศนคติ ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริม ระหว่างประชากรที่มีการคัดแยกและไม่คัดแยกขยะติดเชื้อ พบว่า คะแนนเฉลี่ยของแต่ละปัจจัยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 ส่วนการศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัย (ปัจจัยนำด้านทัศนคติ ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริม) ที่มีผลต่อการคัดแยกขยะติดเชื้อ พบว่า ปัจจัยทั้งหมดมีความสัมพันธ์กับการคัดแยกขยะติดเชื้อ ยกเว้นปัจจัยนำทางด้านทัศนคติ ที่กล่าวว่า การคัดแยกขยะติดเชื้อเป็นหน้าที่ของเทศบาลอยู่แล้ว ประชาชนไม่จำเป็นต้องแยกก่อนนำไปทิ้ง ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ทำการเสนอแนะแนวทางในการกระตุ้นการคัดแยกขยะติดเชื้อ โดยการส่งเสริมปัจจัยนำและปัจจัยเสริม เช่น การจัดอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในการคัดแยกขยะติดเชื้อแก่ประชาชน รวมถึงการกระตุ้นด้วยปัจจัยเอื้อ โดยการเสนอแนะให้มีการแจกถุงขยะแยกสี แยกประเภท และการเพิ่มตำแหน่งสถานีทิ้งขยะติดเชื้อที่อยู่ใกล้ชุมชนในตำแหน่งที่เหมาะสมและสามารถเข้าถึงได้ง่าย เป็นตัน |