![]() |
การปลดปล่อยอาณานิคมตามแนวทางสำนักอินเดีย: ผู้ที่อยู่ในสถานะรองในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงจาก ค.ศ. 1992 ถึง 2022 |
---|---|
รหัสดีโอไอ | |
Creator | ธนเชษฐ วิสัยจร |
Title | การปลดปล่อยอาณานิคมตามแนวทางสำนักอินเดีย: ผู้ที่อยู่ในสถานะรองในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงจาก ค.ศ. 1992 ถึง 2022 |
Publisher | สถาบันเอเชียศึกษา |
Publication Year | 2567 |
Journal Title | เอเชียปริทัศน์ |
Journal Vol. | 45 |
Journal No. | 1 |
Page no. | 1-31 |
Keyword | แนวคิดหลังอาณานิคม, นักคิดหลังอาณานิคมอินเดีย, อินโดจีน, อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง |
URL Website | https://so01.tci-thaijo.org/index.php/asianreview |
Website title | เอเชียปริทัศน์ |
ISSN | 2673-0650 |
Abstract | บทความฉบับนี้ศึกษาว่าความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มรัฐชาติแม่น้ำโขงไหลผ่านนั้นเอื้อประโยชน์ให้แก่ชนชั้นนำทางการเมืองและผลักให้เสียงของผู้ซึ่งอยู่ในสถานะรองนั้นตกอยู่ในสภาวะชายขอบได้อย่างไร พื้นที่ศึกษาประกอบไปด้วยสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมา ไทย กัมพูชาและเวียดนามซึ่งมรดกอาณานิคมในการตีความเชิงพื้นที่และเวลานิยมโดยชนชั้นนำยังคงปรากฎอยู่อย่างมั่นคง ถึงแม้ว่าอาจกล่าวได้ว่ารัฐชาติบางแห่ง เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีนและไทยจะไม่เคยตกเป็นอาณานิคมชาติตะวันตกอย่างเป็นทางการ แต่วิธีการจัดการปกครองแบบตะวันตกก็ถูกนำมาประยุกต์ใช้ บทความฉบับนี้ใช้กรอบความคิดการปลดปล่อยอาณานิคมสำนักอินเดียซึ่งปรากฏขึ้นในช่วงเวลาที่มีการต่อสู้ให้อินเดียเป็นเอกราชและเน้นย้ำถึงระบบความรู้ที่ไม่ได้เป็นตะวันตก เสียงของกลุ่มคนที่อยู่ในสถานะรองจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาที่ผ่านมาวงวิชาการและปรากฏการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มุมมองซึ่งเป็นวิธีคิดแบบโลกตะวันตกปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดจนทำให้ผู้คนที่ไม่ได้เป็นชนชั้นนำในท้องถิ่นแทบจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นของตนได้ บทความฉบับนี้ศึกษาโดยการวิเคราะห์วาทกรรมจากกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศและข้อริเริ่มในระดับภูมิภาคสิบสี่กรอบความร่วมมือ ข้อริเริ่มและกรอบความร่วมมือเหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากการตีความซึ่งยึดโยงชนชั้นนำทางการเมืองกับวิธีคิดแบบตะวันตกเป็นสำคัญทั้งในแง่ของพื้นที่ เวลาและสถานะภาพของผู้คน และจึงยังประโยชน์ให้กับกลุ่มชนชั้นนำด้วยกันเอง ในขณะที่ผู้คนที่อยู่ในสถานะรองถูกผลักให้อยู่ในสถานะชายของและปัญหาที่พวกเขาพบเจอก็ไม่ได้รับการแก้ไข บทความฉบับนี้จึงเรียกร้องให้มีการเคารพเสียงของผู้ที่อยู่ในสถานะรองในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่มากขึ้น ทั้งด้วยวิธีการให้พื้นที่ให้กับพวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในกลไกระหว่างประเทศและสนับสนุนการมีส่วนออกเสียงในกลไกข้อริเริ่มในระดับภูมิภาค |