Proud จัดระเบียบเปลี่ยนชีวิต
"จัดบ้านมาหลายปีแล้วแต่ก็รกเหมือนเดิม" "ตรุษจีนสงกรานต์เราก็ทำแต่บ้านก็รกอยู่ดีอ่ะ" ผมได้ยินคำบอกเล่าแบบนี้บ่อยๆครับมีหลายคนที่พยายามจัดบ้านแต่ก็ไม่เห็นว่าชีวิตจะดีขึ้นในฐานะโค้ชและที่ปรึกษาจัดระเบียบบ้านผมคิดว่าคำตอบอย่างหนึ่งก็คือถ้าเราฝึกผิดวิธีต่อให้ทำมาสิบปีก็ไม่สำเร็จครับ
คุณน่าจะเคยได้ยินกฎ 10,000 ชั่วโมงหรือกฎ 10 ปีกันมาบ้างกฎที่บอกว่านักไวโอลินระดับโลกต้องผ่านการสะสมชั่วโมงฝึกซ้อมประมาณ 10,000 ชั่วโมงตลอด 10 ปีเพื่อจะได้มีความเชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็นการจัดบ้านการเรียนหรือการทำงานก็ต้องใช้ความพยายามเช่นกันไม่มีใครที่เก่งมาตั้งแต่แรกทุกคนผ่านการลองผิดลองถูกแต่ก็มีคนตั้งคำถามเหมือนกันว่าเขาเป็นคนที่ขยันเป็นคนที่มีวินัยทำไมเขาถึงไม่เคยเก่งขึ้น
ถ้าคุณเคยได้ยินว่าขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่สำเร็จนั่นก็น่าจะคล้ายกันนะครับถ้าเราทำแต่เรื่องซ้ำๆเดิมๆ โดยเราไม่คิดจะพัฒนาตัวเองจริงๆเลยมันก็ไม่สำเร็จครับทำไมคนเก่งกับคนธรรมดาใช้ระยะเวลา 10 ปีในการฝึกฝนผลลัพธ์ถึงแตกต่างกัน
อันเดอร์อิริคสันนักจิตวิทยาเชิงรู้คิดได้ทำงานวิจัยเพื่อค้นหาว่าทำไมนักกีฬาโอลิมปิกนักหมากรุกนักเปียโนนักบัลเล่ต์นักกอล์ฟรวมถึงคนเก่งระดับโลกถึงพัฒนาหรือฝึกฝนตัวเองได้อย่างเก่งกาจและแตกต่างจากคนทั่วไปสิ่งที่เขาค้นพบก็คือว่าคนเก่งๆนั้นจะฝึกฝนตัวเองผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "การฝึกฝนอย่างจดจ่อ" (deliberate Practice)
วิธีการฝึกฝนอย่างจดจ่อนั้นคือ
1. ต้องตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและชัดเจนเช่นวันนี้คุณวิ่งระยะ 100 เมตรได้ 1 นาที 15 วินาที วันพรุ่งนี้คุณต้องวิ่งให้เร็วขึ้น 1 วินาที
2. พยายามและจดจ่อเต็มที่นักกีฬาระดับโลกจะแบ่งเวลาเพื่อฝึกซ้อมอยู่คนเดียวเพื่อให้มีสมาธิมากขึ้นลองจัดบ้านด้วยตัวคนเดียวเงียบๆเฉพาะสิ่งของคุณเท่านั้นไปช่วยเพิ่มสมาธิและการจดจ่อได้ด้วยนะครับ
3. รับคำติชมทันทีคนเก่งส่วนใหญ่ต้องการให้คนให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำพลาดมากกว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกต้องเพื่อจะนำมาปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไป
4. ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าค่อยๆขัดเกลาจนกว่าจะชำนาญตอนสมัยผมลองฝึกหัดจัดบ้านใหม่ๆผมไม่ชอบการพับผ้ามากๆแต่ก็ค่อยๆทำทีละตัวทีละตัวผมอาจจะไม่ได้พับผ้าเก่งกว่าคนอื่นแต่ถ้าเทียบกับตัวเองแล้วถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะมากเลยครับ
นอกจากนี้ Angela duckworth อาจารย์ทางด้านจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือ grit ยังแนะนำว่าถ้าคุณต้องการ "ฝึกฝนอย่างจดจ่อ" ให้ดีขึ้นและใช้ได้ในชีวิตจริง...คุณต้องทำให้เป็นนิสัยมีงานวิจัยที่พบว่าถ้าคุณฝึกฝนในเวลาเดิมๆและสถานที่เดิมๆทุกวันจนเป็น
กิจวัตรแล้วคุณจะไม่รู้สึกว่าต้องฝืนทำเพราะคุณจะทำสิ่งนั้นโดยอัตโนมัติเคล็ดลับเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งค้นพบในกลุ่มนักดนตรีนักกีฬาเท่านั้นแต่เป็นทักษะที่ทุกคนใช้ได้ในชีวิตจริงเพราะการทำงานคนเราจะต้องแบ่งทักษะย่อยๆแล้วค่อยฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เบนจามินแฟรงคลินหนึ่งในผู้ร่วมสร้างชาติสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้ร่างคำประกาศอิสรภาพเขาเคยเล่าวิธีพัฒนาทักษะการเขียนของเขาด้วยวิธีการฝึกฝนอย่างจดจ่อว่าเขาจะเริ่มต้นสะสมบทความที่ดีที่สุดจากนิตยสาร The spectator นำมาอ่านซ้ำและจดบันทึกหลัง
จากนั้นเขาจะลองเขียนบทความดังกล่าวขึ้นมาใหม่จากความทรงจำแล้วนำมาเปรียบเทียบกับต้นฉบับเพื่อค้นหาความผิดพลาดของตัวเองและปรับปรุงแก้ไข หรือเวลาที่เขาต้องการพัฒนาทักษะการแสดงความเห็นอย่างเป็นเหตุเป็นผลเขาจะนำสิ่งที่เคยจดบันทึกเอาไว้มาผสมปนเปกันจน
ยุ่งเหยิงแล้วค่อยๆพยายามจัดระเบียบใหม่ให้สมเหตุสมผลรวมถึงฝึกปรับบทความที่เป็นร้อยแก้วให้เป็นร้อยกรองและปรับร้อยกรองให้เป็นร้อยแก้วเพื่อพัฒนาการใช้ภาษาของตัวเอง
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้คือ
1. การฝึกฝนเป็นหัวใจหนึ่งของคนที่มีความพยายามอุตสาหะซึ่งต้องใช้เวลาและต้องฝึกฝนให้ถูกวิธีโดยการใช้เทคนิค "ฝึกฝนอย่างจดจ่อ"
2. การล้มเหลวหรือผิดพลาดเป็นเรื่องปกติเพราะการได้รับคำติชมโดยเฉพาะการค้นหาจุดอ่อนของตัวเองช่วยทำให้พัฒนาและแก้ไขได้ดี
3. การพักหรือพักฟื้นเป็นสิ่งที่จำเป็นการที่เราจะฝึกฝนจนผ่านการทดสอบเข้มข้นได้ร่างกายและจิตใจก็ต้องการพักผ่อนเพื่อเพิ่มพลังด้วยเช่นกัน และนี่ก็เป็นข้อคิดง่ายๆที่ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นผ่านการเปลี่ยนความคิดและข้าวของในบ้านของคุณ
แรงบันดาลใจจาก - หนังสือgrit : สิ่งที่ต้องมีเมื่อคุณไม่มีแต้มต่อในชีวิต - angela duckworth
ขอขอบคุณ: https://creator.kapook.com/view260690.html