หากเราแพ้พิษของมดตะนอย อาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ ลองมาดูอาการหลังโดนมดกัดกันว่าเราเสี่ยงแพ้รุนแรงหรือไม่
มดตะนอยจัดเป็นสัตว์มีพิษชนิดหนึ่ง อันตรายจากมดตะนอยเกิดจากเหล็กใน ในตัวมดตะนอยที่เคลือบสารพิษกลุ่มสารประกอบโปรตีนและสารอัลคาลอยด์ ทำให้ผู้ถูกต่อยมีอาการแพ้ต่างๆ และที่น่ากลัวคือ มดตะนอยสามารถดึงเหล็กในกลับมาต่อยซ้ำๆ ได้อีกหลายครั้ง ต่างจากผึ้งที่ต่อยเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้งเหล็กในไว้ในแผล
วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าเราแพ้พิษมดตะนอยหรือไม่ คือลองสังเกตตัวเองว่า หากโดนมดตะนอยกัดแล้วมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ตัวชา คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือมีอาการบวมมาก แบบนี้ก็ถือว่าอาการไม่ปกติ และควรรีบนำตัวผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ระยะเวลาในการแสดงอาการจะต่างกันออกไป ตั้งแต่เป็นนาที จนถึงเป็นชั่วโมง
หลังจากมดกัดและปล่อยสารพิษเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้ว อาการและความรุนแรงจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. ปฏิกิริยารุนแรง
หลังจากถูกกัดได้ประมาณ 15 นาที ผู้ที่ถูกมดกัดอาจจะมีอาการที่บ่งบอกว่าแพ้พิษของมดตะนอยอย่างรุนแรง เช่น
2. ปฏิกิริยาเฉพาะที่
หลังจากถูกมดตะนอยกัด อาจจะมีอาการเจ็บ มีตุ่มคัน บวม แดง โดยภายหลังอาการจะหายไปเอง แต่สำหรับคนที่มีอาการรุนแรง เช่น
3. ปฏิกิริยาชนิดผิดธรรมดา
โดยหลังจากถูกมดกัด อาจจะมีอาการดังนี้
ทั้งนี้อาจพบอาการไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดศีรษะ ปวดข้อร่วมด้วย
ระดับความรุนแรงของพิษมดตะนอยขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยด้วยกัน กล่าวคือ จำนวนมดตะนอยที่กัด หากโดนรุมกัดจากมดตะนอยหลาย ๆ ตัว ได้รับพิษมดตะนอยในปริมาณมาก ก็อาจมีอาการมากไปด้วย และอีกอย่างคืออาการแพ้พิษมดตะนอย หากมีภาวะแพ้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยอยู่แล้ว มดตะนอยกัดเพียงตัวเดียวก็อาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อร่างกายได้เช่นกัน
1. ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่
2. ประคบแผลด้วยน้ำแข็งหรือเจลเย็นนาน 20 นาที เพื่อลดอาการบวมและอาการปวด โดยควรประคบเย็นซ้ำทุกชั่วโมงจนกว่าอาการจะทุเลา
3. ทาครีมสเตียรอยด์เพื่อลดอาการปวดได้ แต่ไม่ควรใช้ยาทาที่ทำให้เกิดความร้อน เพราะจะทำให้มีการแพร่กระจายของพิษอย่างรวดเร็ว
4. หากมีอาการปวดมากให้กินยาพาราเซตามอลช่วยบรรเทา
5. ควรรับประทานยาแก้แพ้ร่วมด้วย
6. ถ้าผื่นมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 2 นิ้ว หรือรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องหรือมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หรือถูกกัดหลายจุด ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :สสส.
ขอบคุณที่มา : https://www.sanook.com/health/33933/